ปรับหมากกลยุทธ์ ภาคบ่าย – บล.เอเซีย พลัส

กรี๊ด Day ตลาดเอเชียแดงทั้งแผง มองจังหวะการปรับลงของ SET Index เป็นจังหวะเก็บหุ้น High Dividend จ่ายปันผลระหว่างกาลสูง ADVANC, INTUCH และ หุ้น Domestic ที่ลงมาแรงช่วงก่อนหน้า KBANK หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเร่งลงทุนของรัฐ CK  หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท TUF

มุมมองและการวิเคราะห์

– ตลาดหุ้นเอเซียช่วงเช้าแดงยกกระดาน จาก Sentiment เชิงลบจากปัญหาหนี้กรีซที่ยังคงไม่จบและมีแนวโน้มจะบานปลายต่อไป ทำให้ตลาดหุ้นในเอเซียติดลบเกือบทุกประเทศ (ในช่วงตั้งแต่ 0.66%-2.90%) โดยล่าสุดดัชนีนิคเคอิของญี่ปุ่นติดลบมากที่สุด ขณะที่ตลาดหุ้นจีน แม้ธนาคารกลางตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยฯและปรับลดเกณฑ์สำรองเงินของธนาคาร (RRR) ลง ดูเหมือนจะไม่สามารถช่วยให้ตลาดยืนได้ในแดนบวก โดยล่าสุดติดลบ 0.49% เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในกลุ่ม TlP ที่ปรับลดลงทุกประเทศ นาโดยตลาดหุ้นอินโดนิเซียติดลบ 1.16% ตลาดหุ้นฟิลิปินส์ติดลบ 0.65% ส่วน SET lndex ติดลบ 1.12% โดยได้รับแรงกดดันหลักจากหุ้นในกลุ่มปิโตรฯ และพลังงานที่ติดลบมากถึง 2.31% และ 1.78% ตามลำดับ

– ประเด็นกรีซ:ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลงกันอย่างหนัก หลังจากกรีซไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ได้ ประเด็นนี้ถือเป็น Negative Surprise สุดๆ เพราะตลาดไม่ได้คาดคิดกันมาก่อน (ส่วนใหญ่มองน่าจะคุยกันรู้เรื่อง) สิ่งที่ต้องติดตามต่อจากนี้คือ การประชามติในวันที่ 5 ก.ค.58 ของกรีซว่าจะรับหรือไม่รับเงื่อนไขของ TROlKA  และการชำระหนี้กว่า 1.5 พันล้านยูโรคืนแก่ ซึ่งมีกำหนดชำระในวันที่ 30 มิ.ย.58 หากไม่ทันกรีซต้องเข้าสู่สถานะผิดนัดชำระหนี้ และอาจบานปลายจนถึงขั้นออกจากกลุ่มยูโรโซน  สำหรับผลกระทบต่อ SET lndex ประเมินออกมาได้ดังนี้

1. Sentiment เชิงลบจากตลาดหุ้นทั่วโลกที่จะกดดันตลาด คาดว่าจะกดดันให้ SET ปรับลงต่อเนื่องในช่วง 1-2 วันนี้ หลังจากนั้นตลาดน่าจะรอดูผลของการทำประชามติ และดูว่า ECB จะมีท่าทีอย่างไร 

2.การแข็งค่าของ US Dollar ที่จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนถึง 34 บาทต่อดอลลาร์ มองจะไม่มีผลถึงขนาดทำให้ Fund Flow ไหลออกเนื่องจากสถานะการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี (การปิดโอนเป็นชื่อนักลงทุนต่างชาติและ NVDR เหลือเพียง 9.45 พันล้านบาท) แต่น่าจะเป็นตัวขวางทำให้เงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลำบาก จากผลของ Fx Loss 

3.กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแข็งค่าของเงินบาท คือกลุ่มที่มีต้นทุนหลักจากการใช้ดอลลาร์ เช่นกลุ่ม สื่อสาร (น้ำเข้าอุปกรณ์) กลุ่มสายการบิน (ต้องซื้อน้ำมัน โดยใช้ดอลลาร์) ฯลฯ ส่วนกลุ่มที่ได้ประโยชน์ คือ กลุ่มส่งออก โดยฝ่ายวิจัยมองว่าควรให้น้ำหนักกับ กลุ่มที่มีสัดส่วนการส่งออกไปยุโรปน้อยที่สุด ซึ่งเมื่อเทียบระหว่างกลุ่มอาหาร และ กลุ่มชี้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แล้ว กลุ่มอาหาร น่าจะมีความโดดเด่นกว่า เลือก TUF (FV@B 26)

กลยุทธ์การลงทุน Investment Tactic

– หุ้นเด่นเดือน ก.ค.58 เน้น High Dividend Yield ADVANC lNTUCH SENA TVO และ TTW

– หุ้นกลุ่มรับเหมาฯจากโอกาสในการประมูลโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ CK, STEC     

– หุ้น Domestic ที่ลงมากกว่าตลาดและ Laggard มาก KBANK, BLA   

– หุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการดีต่อเนื่อง TASCO, lRPC   

– Portfolio Update : ASK , BLA, CK, STPl, KBANK, VNG