ทริสฯจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ 1.5 พันลบ.ของ NOBLE ที่ระดับ “BBB-/Stable”

ทริสฯจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ 1.5 พันลบ.ของ NOBLE ที่ระดับ "BBB-/Stable"


ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาทของ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ที่ระดับ “BBB-” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BBB” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB-” โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนสิงหาคม 2558

อันดับเครดิตสะท้อนถึงแบรนด์ของบริษัทซึ่งเป็นที่ยอมรับในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงบนตลอดจนกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างของสินค้าที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากความเสี่ยงที่บริษัทต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากในโครงการคอนโดมิเนียม “โนเบิล เพลินจิต” ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 18,000 ล้านบาท ตลอดจนอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่สูง นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลงและมีการแข่งขันสูง ตลอดจนความกังวลในการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้และระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงซึ่งทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงและความต้องการที่อยู่อาศัยซบเซา

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถเปิดขายโครงการและส่งมอบที่อยู่อาศัยได้ตามกำหนด ทั้งนี้ คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปี 2558-2559 ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถปรับปรุงอัตราส่วนดังกล่าวให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทางการเงินได้ภายหลังจากการส่งมอบโครงการ Noble Ploenchit แล้ว อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากบริษัทไม่สามารถบริหารสภาพคล่องทางการเงินได้ตามแผน ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นในช่วง 2 ปีข้างหน้านี้

บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์เป็นผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางซึ่งก่อตั้งในปี 2534 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2539 บริษัทมีการออกแบบที่อยู่อาศัยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้โครงการของบริษัทมีความแตกต่างไปจากโครงการของผู้ประกอบการรายอื่น บริษัทเน้นพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมาตั้งแต่ปี 2549 เนื่องจากแนวโน้มของตลาดนิยมการมีที่พักอยู่ในเมืองมากขึ้น ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัย 18 โครงการ โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทประกอบด้วยคอนโดมิเนียมซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็น 87% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด บ้านเดี่ยว 6% ทาวน์เฮ้าส์ 5% และที่ดินเปล่า 2% โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทมีมูลค่าเหลือขาย (รวมทั้งยูนิตที่ก่อสร้างแล้วและยังไม่ได้ก่อสร้าง) ประมาณ 13,000 ล้านบาท บริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้จำนวน 19,000 ล้านบาท โดยประมาณครึ่งหนึ่งของยอดขายที่รอรับรู้รายได้เหล่านี้มาจากโครงการ Noble Ploenchit ซึ่งมีกำหนดส่งมอบในช่วงปลายปี 2559

ยอดขายของบริษัทในปี 2557 เท่ากับ 5,398 ล้านบาท ลดลง 24% จากปีที่แล้ว ยอดขายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 535 ล้านบาท รายได้รวมของบริษัทในปี 2557 ลดลง 26% เป็น 2,276 ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีการส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าลดลง รายได้ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2558 เท่ากับ 65 ล้านบาท ลดลงอย่างมากจาก 722 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2557 กว่า 95% ของมูลค่ายูนิตที่เหลือขาย หรือ 13,000 ล้านบาท จะสามารถรับรู้รายได้หลังจากปี 2558 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบภายใต้ชื่อ GABLE มูลค่า 2,000 ล้านบาทภายในปี 2558 นี้ โดยก่อสร้างเป็นบ้านพร้อมอยู่ ดังนั้น รายได้จากโครงการนี้จะเป็นรายได้หลักของบริษัทในปี 2558 รายได้ของบริษัทในปี 2558 คาดว่าจะต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทเนื่องจากจำนวนยูนิตที่รอการส่งมอบส่วนใหญ่จะสามารถรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดของบริษัทยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้เนื่องจากยังมีเงินรับจากการเก็บเงินดาวน์จากลูกค้า  

อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูงระหว่าง 38%-43% ของรายได้รวมในช่วงปี 2551 ถึงไตรมาสแรกของปี 2558 อัตรากำไรจากการดำเนินงานซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายลดลงเหลือ 14% ในปี 2557 และ -152% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2558 จาก 18%-21% ในช่วงปี 2554-2556 เนื่องจากรายได้ที่ลดลงและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูง

เงินกู้รวมของบริษัทเท่ากับ 12,375 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2558 เพิ่มขึ้นจาก 11,417 ล้านบาทในปี 2557 และ 9,796 ล้านบาทในปี 2556 ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงที่ 75% และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนเท่ากับ 2.29 เท่า ซึ่งเกินกว่าข้อกำหนดทางการเงินของหุ้นกู้ที่ 2.2 เท่า ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปี 2558-2559 เนื่องจากบริษัทมีการก่อสร้างคอนโดมิเนียมหลายโครงการ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นกู้เพื่อผ่อนปรนข้อกำหนดทางการเงินดังกล่าวในช่วงปี 2558-2559 แล้ว

เนื่องจากอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้น อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทจึงลดลงอย่างต่อเนื่อง อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 1.67% ในปี 2557 และ -0.62% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2558 ลดลงจาก 3.97% ในปี 2556 และ 5.4% ในปี 2555 อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยบริษัทมีสภาพคล่องที่เพียงพอซึ่งประกอบด้วยเงินสดในมือ 2,832 ล้านบาท และวงเงินกู้ยืมจากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิก 7,418 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2558 นอกจากนี้ บริษัทยังมีเงินสดจากการผ่อนดาวน์ของลูกค้าอีกประมาณปีละ 1,200 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีภาระหนี้ที่ครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าประมาณ 2,100 ล้านบาท

Back to top button