SET บ่ายยืนเหนือ 1,500 จุดระหว่างรอผลประชุมกรีซคืนนี้
SET ช่วงเช้ายังรับผลกระทบจากปัญหากรีซ ส่งผลให้ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบอิงแดนลบแต่ไม่มาก ด้านตลาดหุ้นอื่นเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ อีกทั้ง ต้องจับตาว่าคืนนี้กรีซจะได้รับการยืดอายุหรือไม่ แนวโน้มบ่ายนี้ดัชนีหุ้นไทยแกว่งแคบต่อ แต่ลุ้นยืนเหนือแนวรับ 1,500 จุด ส่วนแนวต้านให้ที่ 1,520 จุด
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (30 มิ.ย.) เคลื่อนไหวในแดนลบ เนื่องจากรับผลกระทบปัญหากรีซแต่ไม่มากนัก รวมถึงยังถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคาร ด้านตลาดหุ้นภูมิภาคที่เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ ขณะที่ ต้องจับตาว่าคืนนี้กรีซจะได้รับการยืดอายุการช่วยเหลือไปถึงวันที่ 5 หรือไม่
นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนีหุ้นไทยจะแกว่งแคบ แต่มีลุ้นยืนเหนือแนวรับ 1,500 จุดได้ ส่วนแนวต้านให้ไว้ 1,520 จุด ขณะที่ แนะนำซื้อหุ้นหลัก เช่น CK-STEC-SEAFCO-PTTGC-BCP-BLA-SAMART-INTUCH และ TRUEIF
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ทรงตัวในกรอบแคบอิงแดนลบแต่ไม่มาก เนื่องจากยังต้องรับผลกระทบจากปัญหาหนี้กรีซแต่ไม่มาก อีกทั้งต่างชาติยังถือครองหุ้นไทยในระดับต่ำ ดังนั้นแนว 1,480 น่าจะสามารถรับได้ ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ
ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตาคือเรื่องของกรีซที่ต้องรอผลการลงประชามติในวันที่ 5 ก.ค.นี้ ซึ่งล่าสุดผลโพลออกมาว่าชาวกรีซต้องการที่จะอยู่ในยูโรโซนต่อ และต้องการรับแผนของทรอยก้า แต่แผนช่วยเหลือของทรอยก้าจะสิ้นสุดในวันนี้ ซึ่งต้องรอดูคืนนี้ว่าทรอยก้าจะมีการยืดอายุการช่วยเหลือไปถึงวันที่ 5 ก.ค.นี้หรือไม่ หากยืดอายุการช่วยเหลือจะสามรถทำให้เรื่องนี้จบลงได้
แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะแกว่งแคบ แต่น่าจะยืนเหนือแนวรับ 1,500 จุดได้ ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,520 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (30 มิ.ย.) ว่า การประชุมนักวิเคราะห์ของ KBANK และ SCB ทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นต่อแนวโน้มของผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารในไตรมาส 2/58 ที่คาดว่าจะอ่อนแอต่อเนื่องจากไตรมาสแรก โดยคาดกำไรของ KBANK น่าจะอยู่ที่ราว 1.15 หมี่นล้านบาท ซึ่งลดลง 2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 7% จากไตรมาสก่อน เนื่องจาก Credit Cost ที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ SCB อยู่ในสถานการณ์คล้ายๆ กับ KBANK ทำให้หุ้นกลุ่มธนาคารส่วนใหญ่จะซื้อขายที่ PBV –1 Standard Deviation แต่ควรรอให้เห็นสัญญาณฟื้นตัวของสินเชื่อก่อน และการทรงตัวของ NPLs
สำหรับแนวโน้ม SET ยังผันผวนจากประเด็นกรีซต่อเนื่อง ทำให้การเข้าซื้อยังเน้นไปที่กลุ่มรับเหมา CK-STEC-SEAFCO ที่ได้รับผลดีจากการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงกลุ่มหุ้นที่กำไรในไตรมาส 2/58 จะออกมาดี PTTGC-BCP-BLA และ SAMART หลังจากที่กำไร Bottom Out ไปแล้วในไตรมาส 1/58 และกลุ่มหุ้นปันผลสูง INTUCH และ TRUEIF
บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ (30 มิ.ย.) ว่า ดัชนีหุ้นไทยช่วงเช้าแกว่งตัวในแดนลบ จากแรงขายหุ้นในกลุ่มธนาคาร นำโดย BAY-TMB-KTB และ KBANK โดยในภาพรวมดัชนีแกว่งตัวค่อนข้างผันผวนจากปัจจัยต่างประเทศ คือ ความกังวลเรื่องกรีซ หลังจากนายกรัฐมนตรีของกรีซ ได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนชาวกรีซปฏิเสธข้อเสนอของเจ้าหนี้ในการลงประชามติที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์นี้ และปัจจัยในประเทศที่จะมีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญหลายตัวเลขในช่วงบ่ายนี้
สำหรับความเคลื่อนไหวในภาคเช้า ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เปิดเผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในภาพรวมเดือน พ.ค.58 หดตัวลดลง 7.6% ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้
แนวโน้มตลาดและหุ้นที่น่าสนใจภาคบ่าย คาดว่าดัชนียังคงแกว่งตัวในกรอบคู่ขนาน โดยยังไม่สามารถผ่านได้ อีกทั้งยังมีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวลงไปทดสอบกรอบล่างที่ 1,498
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,493.06 ล้านบาท ปิดที่ 192.00 บาท ลดลง 3.50 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,122.41 ล้านบาท ปิดที่ 156.50 บาท ลดลง 4.50 บาท
TASCO มูลค่าการซื้อขาย 1,109.91 ล้านบาท ปิดที่ 22.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท
KTB มูลค่าการซื้อขาย 956.19 ล้านบาท ปิดที่ 17.10 บาท ลดลง 0.40 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 687.38 ล้านบาท ปิดที่ 512.00 บาท ลดลง 6.00 บาท
ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์