KBANK เน้นกลยุทธ์ระมัดระวังมากขึ้นโบรกฯ ลดราคาพื้นฐานเป็น 224 บาท
KBANKโบรกฯใช้กลยุทธ์ระมัดระวังมากขึ้นมองเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด อาจส่งกระทบต่อคุณภาพสินทรัพย์ ปรับลดคาดการณ์กำไรปี 58-59 ลง 15% และ 9% ทำให้กำไรหดตัว 8% ปีนี้แต่โต 22% ปี 59 ยังคงคำแนะนำซื้อ แต่ปรับลดราคาพื้นฐานเป็น 224 บาท
บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (2 ก.ค.) ว่า ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK มีความท้าทายเรื่องคุณภาพสินทรัพย์มากขึ้น ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมาทาง KBANK มีเสนอโปรแกรมช่วยเหลือและดูแลลูกค้าสินเชื่อ (โดยหลักคือ SME) ที่มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงินแต่ธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตดีมาโดยตลอด ซึ่งทำให้บริหารจัดการ NPL ได้ดีและเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้มากก็ทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพสินเชื่อมากขึ้น ทางธนาคารประเมินระดับ NPL ratio สิ้นปี 58 ไว้ที่ 2.7-2.8% (จากเดิมที่ 2.2-2.3%) ซึ่งส่วนนี้ทำให้การตั้งสำรองค่าเผื่อฯจะสูงขึ้นเป็น 1.5% ของสินเชื่อ (จากเดิมที่ 1.0%)
ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 58 ลง 15% สะท้อน 1) การตั้งสำรองค่าเผื่อฯที่เพิ่มขึ้น โดยเราปรับสมมติฐานการตั้งสำรองปีนี้เป็น 1.4% ของสินเชื่อรวม (เดิม 0.95%) และ 2) ปรับลดสมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อเป็น 5.5% (เดิม 9.4%) สำหรับไตรมาส2/58 คาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 10.7 พันล้านบาท ลดลง 9%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 14%เทียบไตรมาสก่อนหน้า เพราะตั้งสำรองค่าเผื่อฯเพิ่มขึ้น โดยเราให้ไว้ที่ 1.35% ของสินเชื่อรวม จาก 0.83% ในไตรมาส2/57 และ 1.04% ในไตรมาส1/58) และ NIM แคบลง สำหรับคาดการณ์กำไรครึ่งแรกปี 58 คิดเป็น 54% ของทั้งปี 58
ยังคงคำแนะนำซื้อ แต่ปรับลดราคาพื้นฐานเป็น 224 บาท อิงกับ Gordon Growth Model (18% ROE, 13% Growth และ 16% cost of equity) ซึ่งเทียบเท่ากับ P/BV ปีนี้ที่ 1.9 เท่า โดยเราเชื่อว่า KBANK จะบริหารความเสี่ยงได้ดีและทำให้การด้อยค่าของสินทรัพย์ไม่รุนแรง แต่ราคาหุ้นจะถูกกดดันจากความวิตกกังวลเรื่องการเพิ่มขึ้นของ NPL ไปจนกว่าจะมีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ