ชู 19 หุ้นหลักเน้นเก็บช่วงแนวรับ 1,476 จุดSET ผันผวนตามตปท.หลังกรีซโหวต “NO”
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวผันผวนตามปัจจัยภายนอกประเทศ ด้วยความกังวลกรีซที่ผลการลงประชามติเป็น “โน” ทำให้เกิดความผันผวนในตลาดเงิน ผ่านค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงทันทีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าผลกระทบต่อประเด็นนี้เป็นเพียงจิตวิทยาการลงทุนต่อตลาดหุ้นไทยเท่านั้น
ข่าวหุ้นออนไลน์รายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.17 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 33.80 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่ผลประชามติชี้ชาวกรีซโหวต “No” ไม่รับมาตรการรัดเข็มขัดของเจ้าหนี้ ซึ่งหมายความว่ามีความเป็นไปได้มากขึ้นที่กรีซอาจต้องออกจากยูโรโซน
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวผันผวนตามปัจจัยภายนอกประเทศ ด้วยความกังวลกรีซที่ผลการลงประชามติเป็น “โน” ทำให้เกิดความผันผวนในตลาดเงิน ผ่านค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงทันทีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าผลกระทบต่อประเด็นนี้เป็นเพียงจิตวิทยาการลงทุนต่อตลาดหุ้นไทยเท่านั้น
สำหรับหุ้นเด่นวันนี้รอสะสมหุ้นหลักที่แนวรับ ได้แก่ ADVANC, CK, STEC, SEAFCO, AOT, INTUCH, TRUEIF, EA, SCN, EPG, TPCH,GUNKUL, BANPU,SAMART,IFEC, RCL, TASCO,HANA และ TUF
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์( 6 ก.ค.) ประเมิน SET INDEX วันนี้เปิดย่อตัวลงสู่กรอบ 1,475-1,480 จุด ด้วยความตระหนกต่อกรณีกรีซที่ผลการลงประชามติเป็น “โน” ทำให้เกิดความผันผวนในตลาดเงิน ผ่านค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงทันทีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เชื่อว่าผลกระทบต่อประเด็นนี้เป็นเพียงจิตวิทยาการลงทุนต่อตลาดหุ้นไทยเท่านั้น ปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจ และ ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนไม่มีนัยยะสำคัญต่อประเด็นดังกล่าว
ผลกระทบระยะสั้น
- ตลาดหุ้นและธนาคารพาณิชย์ในกรีซ จะยังไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ในวันนี้ คาดว่าจะต้องปิดทำการไปจนกว่ากรีซเปิดการเจรจากับเจ้าหนี้ และ เห็นแนวทางการดูแลระบบธนาคารพาณิชย์กรีซ จาก ECB ที่จะมีการประชุมในวันนี้
- ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
- เงินทุนไหลออกจากสินทรัพย์ในยุโรป คาดตลาดหุ้นยุโรปบ่ายนี้น่าจะเปิดลงราว 2-3% รวมถึงตราสารหนี้และพันธบัตรในยุโรป
- คาดตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับฐานลงวันนี้ลงมากที่สุด และจะเริ่มแกว่งออกด้านข้างเพื่อรอการฟื้นตัว
- หุ้นไทยที่น่าจะได้รับผลกระทบเชิงจิตวิทยาได้แก่ CPF / TUF / DELTA
ประเด็นที่ต้องติดตามจากนี้
• ECB กับการบริหารจัดการระบบธนาคารพาณิชย์ในกรีซ ขณะที่ผลกระทบต่อระบบธนาคารพาณิชย์ในกลุ่มอียูส่วนที่เหลือเป็นไปอย่างจำกัด
- การเจรจาเพื่อขอ haircut หนี้ทั้งต้นและดอกเบี้ย น่าจะเกิดขึ้นภายใน 48 ชั่วโมงจากนี้ไป
- การเปลี่ยนถ่ายจากการใช้เงินยูโร มาเป็นเงินดราม่า ของกรีซ จะเกิดขึ้นเมื่อใด ยิ่งเร็วยิ่งดีต่อเศรษฐกิจกรีซ เพราะจะทำให้ภาคการท่องเที่ยวของกรีซกลับมาสดใส ดึงดูดเม็ดเงินเข้าประเทศ เป็นการเพิ่มรายได้ สร้างการจ้างงาน และนำไปสู่ความสามารถในการชำระหนี้ในที่สุด
ด้านตลาดหุ้นจีน หลังทางการทยอยประกาศมาตรการสร้างเสถียรภาพต่อตลาดหุ้นมาระยะหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นได้ ล่าสุดโบรกเกอร์ 21 แห่งร่วมลงทุนในกองทุนพยุงหุ้นมูลค่าประเดิม 1.20 แสนล้านหยวน ซึ่งน่าจะมากเพียงพอที่จะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนจีนได้ในระดับหนึ่ง และอาจเกิด Technical Rebound ตลาดหุ้นจีน/ ฮั่งเส็งในช่วงสั้นนี้
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “นักลงทุนซื้อเก็งกำไรไปก่อนหน้านี้ ให้ถือรอการฟื้นตัว” ส่วนนักลงทุนที่ต้องการปับพอร์ต อาจให้น้ำหนักกับหุ้นปันผลมากขึ้นในช่วงสั้นนี้
Accumulative Buy: INTUCH
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ก.ค.) ว่า SET วันนี้มีแนวโน้มถูกกดดันด้วยแนวรับ 1,476 จุด หลังกรีซ Vote “NO” ไม่รับแผนรัดเข็มขัดเจ้าหนี้มากกว่า 60% เช้าวันนี้กดดันตลาดหุ้นโลก โดยตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับลดลง ~1-1.5% เช้านี้ นอกจากนี้กระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ Safe Haven โดยเฉพาะค่าเงินดอลลาร์ฯ กดดันราคาน้ำมันปรับลดลงเช้านี้ และค่าเงินบาทอ่อนค่าทะลุ US$34/ดอลลาร์ฯ
แนะนำ “ซื้อ” รับเหมาฯ (CK STEC SEAFCO) ท่องเที่ยว (AOT) ปันผลสูง (INTUCH TRUEIF) และพลังงานทางเลือก (EA) ที่แนวรับของ SET บริเวณ 1,476 +/- จุด ขณะที่กลุ่ม โรงกลั่น/พลังงาน แม้คาดการณ์กำไรไตรมาส 2/15 ออกมาดี แต่ด้วยราคาน้ำมันที่ปรับลดลงต่อเนื่องทำให้แนะนำ “ขาย” ลดพอร์ตไปก่อน และกลุ่มธนาคารยังมองแค่ Technical Rebound เท่านั้น
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ก.ค.) ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ เคลื่อนไหวตามปัจจัยภายนอก
ประเมินวันนี้จักรับรู้ปัจจัยภายนอก ว่าด้วยกรีซในวิธีการว่ากรีซจะจัดการกับหนี้ของตนอย่างไรจนกว่าจะมีความชัดเจนในการที่กรีซจะเจรจากับเจ้าหนี้ และสถานะในเขตยูโรของกรีซ ประเมนว่าราคาหุ้นจะอยู่ภายใต้ความผันผวน
สำหรับปัจจัยภายใน ประเมนแนวโน้มผลกำไรไตรมาส 2 ของธนาคารอาจอ่อนลง และราคาน้ำ มันที่ลดลงจะส่งผลเชิงลบต่อจิตวิยาในกลุ่มน้ำมัน คำถามว่าราคาหุ้นได้รับรู้ปัจจัยเดิมๆ เหล่านี้ไปเท่าไหร่แล้ว เห็นว่าคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าตลาดจะย่อยปัจจัยลบเหล่านี้เช่นนี้แล้ว คาดว่าแนวโน้มราคาหุ้นจะผูกไว้กับการผันไปและการพัฒนาที่จะมาจากปัจจัยภายนอก
หุ้นเด่นวันนี้ รอสะสมหุ้นหลักที่แนวรับ BANPU (เป้า 31 บาท) SAMART(เป้า 35.9 บาท) IFEC(เป้า 16.6 บาท) INTUCH (เป้า 94.8 บาท)
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ก.ค.) นอกจากปัญหากรีซแล้ว โอกาสปรับลดกำไรตลาดยังมีอยู่ จากความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มธนาคารฯ ตามเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งในเบื้องต้นคาดจะกดดัน EPS ตลาดราว 1% กลยุทธ์การลงทุนยังเน้นเลือกรายหุ้น เฉพาะหุ้นที่มีแนวโน้มผลกำไรโดดเด่นในงวดไตรมาส 3/58 เช่น RCL, TASCO,HANA, TUF วันนี้ยังเลือก HANA(FV@B48) เป็น Top Pick
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ก.ค.) แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ SET น่าจะปรับลงตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับลงทั่วหน้าประมาณ 0.5-1% แต่คาดว่า SET อาจลงไม่มากเท่ากับภูมิภาค หุ้นในกลุ่มน้ำมันมีโอกาสปรับลงต่อ จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลง
ขณะที่ภาวะส่งออกไทยยังน่าห่วง ส่วนใหญ่เกิดจากเศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืด โดยเฉพาะจีนที่มีเศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามรัฐเร่งกระตุ้นการส่งออก และอาจทำให้ค่าเงินบาทอ่อนมากขึ้น ซึ่งเช้านี้ค่าเงิบบาทอ่อนค่าจนแต่ระดับ 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
Accumulative BUY : SCN EPG TPCH และ GUNKUL
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ก.ค.) ประเด็นกรีซคาดส่งผลให้ตลาดทุนผันผวนในสัปดาห์นี้ และต้องเข้าสู่โหมดการเจรจากันอีกรอบ ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยโดยตรงค่อนข้างจำกัดเนื่องจากการค้าไทย – กรีซ มีเพียง 0.1% ของ GDP กลยุทธ์การลงทุน ประเมินแนวรับ 1,470 -1,480 จุด ( Forward P/E ประมาณ 15x ) น่าจะรับรองสถานการณ์ผันผวนในระยะสั้นได้ โดยมีแนวต้านที่ระดับ 1,500 – 1,510 จุด ระยะสั้นแนะนำซื้อลงทุน ADVANC (FV@298) จากประเด็นการประมูล 4G ที่คาดจะเริ่มช่วงปลายปีนี้ และมีอัตรา Dividend Yield ราว 6%