VNG มองกำไรปีนี้โตก้าวกระโดด 50%แนะซื้อปรับราคาพื้นฐานใหม่เป็น 11.8 บ.
VNG โบรกฯมองอัตรากำไรขั้นต้นพลิกฟื้นเป็นกว่า 27% ในไตรมาส1/58 และคาดว่าจะดีต่อในไตรมาส 2/58 อีกทั้งกำไรสุทธิปี 58F เติบโตก้าวกระโดด 50% จากฐานต่ำในปีก่อน แนะนำซื้อ VNG โดยให้ราคาพื้นฐานใหม่ 11.80 บาท (เดิม 9.36 บาท) อิงกับ P/E ปี 58ที่ 16.5 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปี)
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (8 ก.ค. ) ว่า บริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ VNG อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัว โดยในไตรมาส1/58เพิ่มขึ้นเป็น 27.3% จาก 19.1% ใน ไตรมาส1/57 และ 25.1% ในไตรมาส4/57ซึ่งเป็นผลจากราคาวัตถุดิบ (รวมค่าขนส่ง) และราคาไฟฟ้าลดลง และราคาขายเฉี่ยของแผ่นปาร์ติเกิ้ลเพิ่มขึ้น 4%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นใน ไตรมาส2/58 จะยังแข็งแกร่งต่อ เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบ กาว เคมีภัณฑ์ และค่าขนส่งลดลง รวมทั้งเงินบาทอ่อนช่วยให้รายได้และอัตรากำไรจากการส่งออก ซึ่งคิดเป็นราว 70% ของรายได้รวมดีขึ้น
คาดกำไรสุทธิ ไตรมาส2/58 เติบโตเท่าตัว เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากยอดขายที่เติบโต 8-10%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 21.4% ในไตรมาส2/57 เป็น 27.8% ในไตรมาส2/58 แต่เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้าคาดว่ากำไรสุทธิจะขยายตัวเพียงเล็กน้อย เพราะในไตรมาส1/58มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามา 22 ล้านบาท
เพิ่มสินค้าปลายน้ำเพื่อขยายส่วนแบ่งการตลาด โดย 1) บริษัทจะขยายโรงงานปิดผิวอีกเท่าตัวจาก 1.5 แสนลบม./ปี เป็น 3.0 แสนลบม./ปี โดยจะเข้ามาในไตรมาส1/58เท่ากับ 1.0 แสนลบม./ปี และเข้ามาในไตรมาส2/58 เท่ากับ 0.5 แสนลบม./ปี, 2) ขยายกำลังการผลิตกระดาษใน ไตรมาส2/58 อีก 20 ล้านตรม./ปี เป็น 70 ล้านตรม./ปี เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายโรงปิดผิว, 3) ขยายกำลังการผลิตแผ่นพื้นลาร์มิเนต (LF) อีก 4 ล้านตรม./ปีเป็น 10 ล้านตรม./ปี โดยเริ่มตั้งแต่ ไตรมาส2/58 เป็นต้นไป เราคาดว่ารายได้จากธุรกิจปลายน้ำ (รวม FL) จะเพิ่มเป็น 21% ในปี 58 จาก 17% ในปี 57 และจะขยายเป็น 25% ในปี 59 ซึ่งธุรกิจปลายน้ำจะช่วยให้บริษัทครอบคลุมตลาดได้มากขึ้น
สัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงจะมากขึ้นในปี 59 บริษัทมีแผนที่จะเปลี่ยนไลน์การผลิต Particle Board ไปเป็น MDF Board จำนวน 3 แสนลบม./ปี โดยในช่วง ไตรมาส4/58 จะต้องปิดไลน์การผลิต Particle Board ไปประมาณ 3 เดือน แต่จะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิบริษัทไม่มาก (แม้ว่ายอดขายใน ไตรมาส4/58 จะต่ำลง) เพราะ 1) จะผลิตสต็อกไว้ก่อนปรับไลน์การผลิต และ 2) เป็นไลน์การผลิต Particle Board ชนิดที่ให้กำไรไม่มากอยู่แล้ว ส่วนการผลิต MDF Board จะเริ่มตั้งแต่ไตรมาส1/59ซึ่งสินค้า MDF Board ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า Particle Board ประมาณ 10%
ข้อดีของการเปลี่ยนสายการผลิตเมื่อเทียบกับสร้างโรงงานใหม่ คือ การใช้เงินลงทุนเพียง 800 ล้านบาท เทียบกับสร้างโรงงาน MDF Board ใหม่ กำลังการผลิต 3 แสนลบม./ปี ต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 3 พันล้านบาท และที่สำคัญคือใช้เวลาสั้นมาก ทำให้ได้รับประโยชน์จากตลาด MDF Board ที่อยู่ในช่วงขาขึ้น 1-2 ปีข้างหน้านี้ได้อย่างเต็มที่
แนะนำซื้อ VNG โดยให้ราคาพื้นฐานใหม่ 11.80 บาท (เดิม 9.36 บาท) อิงกับ P/E ปี 58ที่ 16.5 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปี) ทั้งนี้เห็นว่าต้นทุนการผลิตที่ลดลงช่วยหนุนอัตรากำไรปีนี้ให้ดีขึ้น และการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจจะทำให้บริษัทมีผลประกอบการในระยะยาวเพิ่มและมีเสถียรภาพมากขึ้น คาดการณ์กำไรสุทธิปี 58-59 เติบโต 50% และ 12% ตามลำดับ คาดการณ์ Dividend Yield ปี 58-59 เท่ากับ 3.5% และ 3.9% ตามลำดับ