บลจ.กสิกรฯขายกองทุน KEFF6MBMชูโอกาสรับผลตอบแทน 1.95% ต่อปี

นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ระดับต่ำถึงปานกลาง บริษัทจึงได้เปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทน ลูกค้ากลุ่มเดิมที่มีกองทุนครบกำหนดอายุและยังต้องการลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ต่อเนื่อง และผู้ที่ต้องการชะลอการลงทุนในช่วงที่หุ้นมีความผันผวนมาก


นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ระดับต่ำถึงปานกลาง บริษัทจึงได้เปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทน ลูกค้ากลุ่มเดิมที่มีกองทุนครบกำหนดอายุและยังต้องการลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ต่อเนื่อง และผู้ที่ต้องการชะลอการลงทุนในช่วงที่หุ้นมีความผันผวนมาก

โดยในระหว่างวันที่ 7-15 กรกฎาคม 2558 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีเอ็ม (KEFF6MBM) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 1.95% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี

สำหรับภาวะตลาดและมุมมองการลงทุน มองว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะสั้นอายุระหว่าง 3 เดือน – 1 ปี อยู่ที่ 1.48% – 1.50% ต่อปี โดยอัตราผลตอบแทนค่อนข้างทรงตัว และเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องการฟื้นตัวที่ล่าช้า โดยปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ จะมาจากภาคการท่องเที่ยวและการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณด้านการลงทุนของภาครัฐฯ ทั้งนี้บลจ.กสิกรไทยคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำที่ 1.50% ต่อปี ไปอีกสักระยะหนึ่งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้มีการฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง

ส่วนสถานการณ์ปัญหาหนี้กรีซยังคงมีผลกระทบในเชิงจิตวิทยาและกดดันบรรยากาศการลงทุนโดยเฉพาะในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก โดยปัจจัยที่ตลาดกำลังติดตามคือแนวทางการเจรจาระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้ รวมถึงความเสี่ยงที่กรีซจะต้องออกจากยูโรโซน หลังผลการลงประชามติที่ออกมาปฏิเสธเงื่อนไขของเจ้าหนี้ ทั้งนี้ ปัจจุบันบลจ.กสิกรไทยไม่มีการลงทุนในสินทรัพย์ในประเทศกรีซแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก อาจชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หรือสามารถเลือกลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ เพื่อล็อกผลตอบแทนในช่วงที่ภาวะตลาดยังมีความไม่แน่นอนนี้

ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของ บลจ.กสิกรไทย

สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีเอ็ม (KEFF6MBM) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก China Construction Bank Corporation, ตราสารหนี้ Akbank T.A.S.,ประเทศตุรกี, ตราสารหนี้ Yapi Kredi Bankasi A.S., ประเทศตุรกี, ตราสารหนี้ T.C. Ziraat Bankasi A.S., ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A. ประเทศบราซิล โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท

               

 

               

Back to top button