CGD คาดตั้งกอง REIT ใน Q3 เตรียมเพิ่มทุน PP จำนวน 1 พันล้านหุ้น
CGD คาดตั้งกอง REIT ได้ใน Q3/58 โดยมีกิจการ data center ในอังกฤษเป็นสินทรัพย์ เตรียมเสนอแผนเพิ่มทุนจดทะเบียน 1.04 พันล้านหุ้น ให้ PP จำนวน 1 พันล้านหุ้น ส่วนอีก 4 หมื่นล้านหุ้นจะใช้รองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญที่เสนอขายให้กับกรรมการ-พนักงานของบริษัท
แหล่งข่าวจาก บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CGD เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เอ็มเอฟซี อินดัสเตรียล ภายในไตรมาส 3/58 โดยอยู่ระหว่างการเตรียมเอกสารเพื่อขออนุมัติต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทั้งนี้ CGD จะเข้าลงทุนในกองทรัสต์ด้วยการซื้อหน่วยของกองทรัสต์เป็นมูลค่าสูงสุดไม่เกินกว่า 150 ล้านบาท
โดยกองทรัสต์ดังกล่าวจะมีกิจการของบริษัท เอพียูเค จำกัด (APUK) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CGD ลงทุนผ่านบริษัท ซีจีดี ดิจิตอล พาร์ทเนอร์ส จำกัด (CGDDP) เป็นสินทรัพย์ ประกอบด้วยที่ดินและสิงปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นศูนย์ข้อมูล(Data Centre)รวมถึงงานระบบและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Data Centre ในประเทศอังกฤษคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 26 ล้านปอนด์ หรือราว 1.5 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะมีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นขึ้นในวันที่ 21 ส.ค.58 เพื่อขออนุมัติผู้ถือหุ้นในการขายสินทรัพย์และจัดตั้งกอง REIT ดังกล่าว และคาดว่า ก.ล.ต.จะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาเอกสารราว 1-2 สัปดาห์ ซึ่งการสินทรัพย์เข้ากอง REIT ครั้งนี้บริษัทคาดว่าจะได้จะได้รับเงินเกือบ 1 พันล้านบาท เพื่อนำไปใช้ลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต
นอกจากนั้นในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นดังกล่าว บริษัทจะนำเสนอแผนเพิ่มทุนจดทะเบียน 1.04 พันล้านหุ้น จัดสรรให้กับนักลงทุนในวงจำกัด (PP) จำนวน 1 พันล้านหุ้น ส่วนอีก 4 หมื่นล้านหุ้นจะใช้รองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญที่เสนอขายให้กับกรรมการและพนักงานของบริษัท รวมทั้งการเสนอแผนการเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาท เป็นหุ้นกู้ระยะสั้นอายุไม่เกิน 270 วันและหุ้นกู้ระยะยาวไม่เกิน 10 ปีด้วย
สำหรับวัตถุประสงค์ของการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ การเพิ่มทุน และการขายหุ้นกู้นั้น บริษัทจะนำเงินที่ได้มาใช้ในการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต ซึ่งสร้างรายได้และการเติบโตให้กับบริษัทในระยะยาว รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมอีกทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยรูปแบบการลงทุนมีทั้งโครงการที่บริษัทลงทุนเองทั้งหมด และโครงการที่จะร่วมทุนกับพันธมิตรในประเทศหรือต่างประเทศ คาดว่าในปีนี้จะได้เห็นความชัดเจนอย่างน้อย 1 ดีล จากที่ศึกษาอยู่ทั้งหมด 3-4 ดีล เงินส่วนหนึ่งจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์บริษัทจะนำมาใช้ในการลงทุนนี้ด้วย
ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมโฟร์ซีซั่น ไพรเวท เรสซิเด้นท์ กรุงเทพ ณ แม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่าโครงการราว 1.9 พันล้านบาทที่บริษัทเริ่มเปิดขาย Pre-Sale เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ขณะนี้ทำยอดขายได้แล้วมากกว่า 30% และมีกำหนดสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนภายในปี 61