TTCL คว้างานใหม่ 6 พันล้านไตรมาส 2 กำไรพุ่งพรวด 81%
ทีทีซีแอล หรือ TTCL เตรียมเซนสัญญาโรงงานปิโตรเคม 200 ล้านเหรียญ เดือนหน้า พร้อมเซนสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโรงงานถ่านหินพม่า 1,280 MW ส่วนผลประกอบการไตรมาสสองโต 81% จากปีก่อน ราคาเป้าหมาย 50 บาท
แหล่งข่าวจากที่ปรึกษาทางการเงินเปิดเผยว่า บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) หรือ หรือ TTCL จะได้เซนสัญญาโครงการใหม่ประมาณเดือนหน้า ได้แก่ เป็น โรงงานปิโตรเคม ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง มูลค่าประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6 พันกว่าล้านบาท หลังจากก่อนหน้านี้ได้งานใหญ่โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ประเทศพม่า 1,280 MW แล้ว
สำหรับความคืบหน้าของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมเซนสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับทางการพม่า และทำแผนการเงิน ร่วมทุนกับทางประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นเงินก้อนแรกที่ใช้ลงทุนในโครงการนี้ และเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ผู้บริหารได้เดินไปที่ประเทศสิงคโปร์ คัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อเตรียมแผนระดมทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่พม่า6-8 หมื่นล้านบาทตามแผนที่วางไว้
ส่วนผลประกอบการไตรมาสสองของปีนี้ จะเติบโตกว่าปีก่อน 81% หลังจากที่ได้เดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
ด้านบล.เอเซีย พลัส คาดการณ์กำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 2/58 ไว้ที่ 148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67% จากปีก่อน ซึ่งการอ่อนค่าลงของเงินบาท น่าจะทำให้ TTCL มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาอีกราว 10 ล้านบาท ทำให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 158 ล้านบาท
แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/58 ของ TTCL จะดีขึ้นชัดเจนเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจโรงไฟฟ้าในพม่า ที่มีการ Upgrade ระบบ Gas turbine โรงไฟฟ้า Ahlone จาก Simple cycle เป็นCombined cycle ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. ซึ่งทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มจาก 80 MW เป็น 120 MW และมีอัตราการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นมาก
ขณะที่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง (EPC) จะยังไม่เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากนัก เนื่องจากในไตรมาส 2/58 TTCL มีรายได้จากการจัดซื้อ Turbine ของโรงไฟฟ้าในประเทศ ซึ่งให้ margin ต่ำ เข้ามาถึง 1.2 พันล้านบาท จึงกดดัน gross margin เฉลี่ยของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างให้อยู่ในระดับเพียง 7%
บล.ธนชาต คาดว่ากำไรของ TTCL จะเติบโตแข็งแกร่งในปี 2015-17 จากการเริ่มโครงการโรงไฟฟ้าขนาด 120MW เฟส 3 และการรับรู้รายได้จากมูลค่างานในมือที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ แผนที่จะแบ่งโรงไฟฟ้า 1,280 MW เป็น 2 ระยะ ราคาเป้าหมายลงเป็น 50 บาท/หุ้น “ซื้อ”
“คาดว่ากำไรของ TTCL จะฟื้นตัวแข็งแกร่งเติบโตราว 36% ในปีนี้ ผลักดันโดยการเริ่มดำเนินงานของโรงไฟฟ้าขนาด 120MW เฟส 3 และการรับรู้รายได้จากมูลค่างานในมือที่สูงเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้เรายังคาดว่ากำไรจะเติบโตไปอีก 76% ในปี 2016 โดยได้แรงหนุนจากงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 1,280MW อีกด้วย”
หนึ่งในปัจจัยหลักผลักดันกำไรของ TTCL ในปีนี้ คือการเริ่มดำเนินงานของโรงไฟฟ้า 120MW เฟส 3 ในเดือนพ.ค.15 ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้บริษัทฯ ได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ไฟฟ้าขั้นต่ำเป็น US$30.7m ในปี 2558 และ US$32.2m ในปี 2559 จากเพียง US$7.9m ในปี 2557 แล้ว แต่ยังได้ประโยชน์จากการประหยัดจากขนาด เนื่องจากเฟส 3 ใช้พลังงานความร้อนที่ได้จากเฟส 1 และ 2 มาผลิต (combined cycle) แม้คาดว่าการปิดโรงไฟฟ้าเพื่อเชื่อมเฟส 3 เข้ามา จะเป็นสาเหตุให้อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจโรงไฟฟ้าของ TTCL ลดลงเป็น 65% ในปี 2558 (จาก 67% ในปี 2557) แต่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 75% ในปี 2559
ขณะที่มูลค่างานในมือสูงเป็นประวัติการณ์ ไม่เหมือนกับปีก่อนที่ TTCL ไม่ได้งาน EPC ใหม่จนกระทั่งเดือนก.ย.14 เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯ มีมูลค่างานใหม่ที่ 1.85 หมื่นล้านบาท ทำให้บริษัทมีมูลค่างานในมือสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 3.86 หมื่นล้านบาท คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2558 บริษัทจะได้รับงาน EPC ใหม่เพิ่มเติมจากสมมติฐานมูลค่างานใหม่ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท สมมติให้มูลค่างานใหม่ของ TTCL อยู่ที่ 7 หมื่นล้านบาท ในปี 2016 ซึ่งรวมถึงโครงการโรงไฟฟ้า 1,280MW มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเฟสแรก ขนาด 640MW จะก่อสร้างในช่วงปี 2559-62 ขณะที่ระยะที่ 2 ในช่วงปี 2019-22