EXIM BANK เปิด “สินเชื่อส่งออกทันใจทวีค่า”

EXIM BANK เปิด “สินเชื่อส่งออกทันใจทวีค่า” เสริมสภาพคล่องธุรกิจส่งออก พร้อมปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนให้แก่ผู้ส่งออก SMEs ของไทย


นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุน SMEs ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการส่วนใหญ่ของประเทศที่มีจำนวนกว่า 2.7 ล้านราย

ขณะที่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่มีศักยภาพเป็นผู้ส่งออก SMEs จำนวนกว่า 25,000 ราย ผู้ส่งออก SMEs ยังคงเผชิญความเสี่ยงจากปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจทั้งภายในและภายนอก อาทิ การขาดสภาพคล่อง เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน และประสบปัญหาอันเนื่องมาจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน EXIM BANK จึงได้พัฒนาบริการสินเชื่อเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านเงินทุน และการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนให้แก่ผู้ส่งออก SMEs ได้แก่ สินเชื่อส่งออกทันใจทวีค่า

โดยพัฒนามาจากบริการสินเชื่อส่งออกทันใจในปี 2559 เป็นสินเชื่อหมุนเวียนในช่วงก่อนและหลังการส่งออก พร้อมบริการรับซื้อตั๋วส่งออก ขยายวงเงินกู้สูงสุดถึง 2 ล้านบาท และให้วงเงินสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) มูลค่าเทียบเท่าวงเงินสินเชื่อ อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปีในปีแรก ใช้เพียงบุคคลค้ำประกัน และหนังสือค้ำประกันของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) ช่วยเสริมสภาพคล่องและปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศให้แก่ธุรกิจส่งออก SMEs ของไทยในช่วงจังหวะที่การส่งออกของไทยกำลังกลับมาฟื้นตัว จนหน่วยงานหลายแห่งได้ปรับคาดการณ์อัตราการขยายตัวของมูลค่าส่งออกในปี 2560 สูงขึ้นถึงกว่า 3.0% ต่อปี

ทั้งนี้ได้ขยายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ เพื่อช่วยให้ผู้ส่งออก โดยเฉพาะ SMEs ไทยมีความพร้อมที่จะขยายธุรกิจไปค้าขายในตลาดต่างประเทศได้อย่างประสบความสำเร็จ เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนการเติบโตของภาคการส่งออกและเศรษฐกิจไทย

โดยได้รับอานิสงส์จากโอกาสทางธุรกิจในปี 2560 ดังนี้ 1. เศรษฐกิจโลกและการค้าโลกฟื้นตัวดีขึ้น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกปี 2560 จะขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 ปีอยู่ที่ 3.5% และปริมาณการค้าโลกในปีนี้จะขยายตัว 3.8% เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่การค้าโลกจะกลับมาขยายตัวสูงกว่า GDP โลก 2. ราคาน้ำมันฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด

ทั้งนี้จะส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันของไทยซึ่งมีสัดส่วนรวมกันกว่า 13% ของมูลค่าส่งออกรวม 3. การส่งออกบริการช่วยกรุยทางให้โอกาสในการส่งออกสินค้าเปิดกว้างขึ้น 4. การนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปที่นำมาผลิตเพื่อส่งออกกลับมาขยายตัวอีกครั้ง หลังจากหดตัว 3 ปีติดต่อกัน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการและการส่งออกในระยะถัดไปมีแนวโน้มฟื้นตัว

ในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ ผู้ส่งออก SMEs ของไทยต้องมีเครื่องมือทั้งเชิงรุกและเชิงรับ เชิงรุกได้แก่ การศึกษาตลาด ปรับปรุงการผลิต หาช่องทางการตลาดใหม่ๆ และเตรียมแหล่งเงินทุนให้พร้อม ส่วนเชิงรับได้แก่

การเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับความเสี่ยงจากการค้าการลงทุน และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่ง EXIM BANK ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร เช่น บสย. มีคำปรึกษาแนะนำ ข้อมูลข่าวสาร และบริการทางการเงินครบวงจร เพื่อติดอาวุธให้ผู้ส่งออก SMEs ของไทยในเวทีการค้าโลก โดยสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ (S-curve)” นายพิศิษฐ์ กล่าว

Back to top button