ONEAM ออกตราสารหนี้ตปท. ขายถึง14 พ.ย.
บลจ.วรรณ ออกกองทุนตราสารหนี้ตปท.เน้นระยะสั้นให้ผลตอบแทนสูง เปิดขาย 7-14 พ.ย.
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า บลจ.วรรณ เปิดเสนอขายกองทุนเปิด วรรณ โกลบอล ไฮยิลด์บอนด์ ระยะสั้น (ONE-GLOBHY) ระหว่างวันที่ 7-14 พ.ย. โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนประเภท Feeder Fund จะลงทุนผ่าน BNY Mellon Global Short-Dated High Yield Bond เพียงกองทุนเดียวที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งมีผลตอบแทนสูงที่มีอายุตราสารสั้น (Short Duration)
โดยจุดเด่นของกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นทั่วโลก ปัจจุบันตราสารหนี้ในพอร์ตการลงทุนมีอายุคงเหลือเฉลี่ยประมาณ 1-5 ปี โดยเน้นการที่คัดสรรอายุเฉลี่ยตราสารหนี้ที่มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและช่วยลดผลกระทบจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อนึ่ง BNY Mellon Global Short-Dated High Yield Bond เป็นบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำในต่างประเทศที่มีหลักการการคัดเลือกบริษัทผู้ออกตราสาร นโยบายการคัดเลือกจะเลือกบริษัทผู้ออกตราสารโดยไม่จำกัดภูมิภาค กลุ่มอุตสาหกรรม เพราะแต่ละประเทศย่อมมีนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน ซึ่งการกระจายการลงทุนตราสารที่เป็นลักษณะทั่วโลกจะช่วยกระจายความเสี่ยงในแต่ละประเทศได้
โดยกองทุนนี้สามารถลงทุนได้ทั้งตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ (Investment Grade) มีอันดับต่ำกว่าการลงทุนได้ (Non-Investment Grade) และตราสารหนี้ที่ไม่ได้การจัดอันดับ (Unread) สำหรับผลการดำเนินงานเฉลี่ยย้อนหลังตั้งแต่ปี 53-60 กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ที่ระดับ 4.5-5% ต่อปีซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่ค่อนข้างน่าพอใจในสภาวะดอกเบี้ยต่ำทั่วโลก
“การลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นยังเป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุนที่น่าสนใจแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงและมีอายุตราสารหนี้เฉลี่ยระยะสั้น (Short Duration High Yield Bond)
โดยเฉพาะในช่วงภาวะเศรษฐฏิจทั่วโลกฟื้นตัวโดยเฉพาะในช่วงภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ซึ่งเอื้อให้ตราสารหนี้ประเภท High Yield มีความแข็งแกร่งทางการเงินจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ดีตามเศรษฐกิจ”นายพจน์ กล่าว
ทั้งนี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงเป็นแรงกดดันหลักการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.60 และ อีก 3 ครั้งในปีหน้า ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้ราคาตราสารหนี้ทั่วโลกมีการปรับตัวลดลง ยิ่งตราสารที่ลงทุนที่มีอายุเฉลี่ย (Duration) มากก็จะได้รับผลกระทบมาก ดังนั้น การลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ยระยะสั้น (short duration) จึงเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจในการป้องกันและลดผลกระทบจากความเสี่ยงดังกล่าว
โดยปัจจุบันส่วนต่างอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้แคบลง ส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนไม่น่าสนใจ แต่การลงทุนในตราสารหนี้ High Yield ระยะสั้น จึงมีข้อดีในแง่ของอัตราผลตอบแทนที่ดี ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยมีทิศทางปรับตัวขึ้นในอนาคตเป็นจังหวะที่สามารถสร้างผลตอบแทนจากตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงไปพร้อม ๆ กับการเกาะผลตอบแทนในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยขาขึ้นได้
ทั้งนี้ เศรษฐกิจทั่วโลกมีการเติบโตที่ดีขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ของหลายประเทศทั่วโลกมีการขยายตัวอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้วเช่น สหรัฐฯ และ กลุ่มยูโรโซน รวมถึงผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกส่วนใหญ่ที่มีการเติบโตดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด