TMBAM เพิ่มทุน TMBPIPF เป็น 3 หมื่นลบ.
TMBAM เพิ่มทุนจดทะเบียน TMBPIPF อีก 1.5 หมื่นลบ. เป็น 3 หมื่นลบ.
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด (TMBAM) ประกาศข่าวดีรับต้นปีด้วยการขอเพิ่มทุนจดทะเบียนกองทุนเปิดทหารไทย พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม พลัส (TMBPIPF) กับสำนักงานก.ล.ต. เมื่อวันที่ 15 ม.ค.61 เพื่อรองรับกับการเติบโตของกองทุนในอนาคต โดยการเพิ่มทุนอีก 15,000 ล้านบาทในครั้งนี้ ทำให้กองทุนมีมูลค่าโครงการอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท
โดย ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ TMBAM เปิดเผยว่า กองทุนเปิดทหารไทย พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม พลัส เป็นกองทุนรวมทรัพย์สินทางเลือกประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่เราภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นกองทุนที่เราได้สร้างนวัตกรรมของการให้สภาพคล่องซื้อขายได้ทุกวันทำการเป็นกองทุนแรกของเมืองไทย
โดยจัดตั้งขึ้นเมื่อ 30 มิถุนายน 2557 ปัจจุบันกองทุนนี้ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนอย่างดีเสมอมา จนมูลค่าสินทรัพย์สุทธิเติบโตจนเกือบเต็มโครงการที่ 15,000 ล้านบาท (ณ 15 ม.ค. 61 อยู่ที่ 13,694 ล้านบาท) จนต้องมีการขอเพิ่มทุนเพื่อรองรับต่อความต้องการ ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพและความไว้วางใจที่ผู้ลงทุนมอบให้
ทั้งนี้กองทุนเปิดทหารไทย พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม พลัส (TMBPIPF) จัดเป็นกองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทฯบริหารเอง มีกลยุทธ์การลงทุนเชิงรุก (Active Management)
โดยเน้นลงทุนในหน่วยของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทย (Thai Property Fund /REITs) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานไทย (Thai Infrastructure Fund) กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของต่างประเทศ เช่น สิงค์โปร์ (S-REITs) เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการกระจุกตัวในกองทุนหรือสินทรัพย์ชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไป
สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ ได้ทำการป้องกันความเสี่ยงในอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลพินิจของผู้จัดการลงทุน กองทุนนี้มีจุดเด่นในการสร้างผลตอบแทนในรูปแบบรายรับ
ทั้งนี้มีนโยบายจ่ายปันผลไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี ซึ่งนับแต่จัดตั้งขึ้นเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา กองทุนได้จ่ายปันผลไปแล้วทั้งสิน 12 ครั้ง รวมยอดเงินปันผล 2.2485 บาทต่อหน่วยลงทุน และสามารถสร้างผลตอบแทนรวมในรอบ 1 ปีย้อนหลังที่ 15.31% ตั้งแต่จัดตั้งที่ 9.89% ต่อปีเลยทีเดียว (ข้อมูล ณ 15 ม.ค. 61)
โดยการเพิ่มทุนจดทะเบียนกองทุนได้รับการอนุมัติจากสำนักงานก.ล.ต.เรียบร้อยแล้วในวันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา โดยการเปลี่ยนแปลงจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิทธิใดๆ ของผู้ถือหน่วย และไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยลงทุน (NAV)ดังนั้น ผู้ถือหน่วยลงทุนจึงสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ