KTAM ขายกองทุนใหม่ ถึง 25 ม.ค.นี้
KTAM ขายกองทุน KT-GCINCOME ถึง 25 ม.ค.นี้ เหมาะสำหรับลงทุนระยะกลาง 1-3 ปี
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า บริษัทเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุน โดยการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิด เคแทม โกลบอล เครดิต อินคัม ฟันด์ (KT-GCINCOME) เสนอขายครั้งแรก ในวันที่ 18-25 มกราคม 2561 เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมหลัก Schroder ISF Global Credit Income ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
โดยกองทุนรวมหลัก มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรายได้ และการเติบโตของเงินทุน โดยมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลกที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ Investment Grade และ High Yield ที่ออกโดยรัฐบาล หน่วยงานภาครัฐ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศ และบริษัททั่วโลก รวมถึงประเทศในตลาดเกิดใหม่ และผู้จัดการกองทุนได้รับจัดอันดับ AAA จาก citywire (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ธ.ค.60)
สำหรับกองทุน KT-GCINCOME เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ ที่มีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน และต้องการมีผู้ชำนาญการมาช่วยบริหารจัดการ โดยกองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนในระยะกลาง 1-3 ปี และคาดหวังจะได้รับกระแสเงินสดการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในทุกไตรมาส เงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท
ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนรวมหลัก Schroder ISF Global Credit Income USD ณ วันที่ 30 พ.ย.60 ย้อนหลัง3 เดือน อยู่ที่ 1.30% 6 เดือน อยู่ที่ 3.20% YTD (3ม.ค.-30พ.ย.60) อยู่ที่ 8.00% ย้อนหลัง1 ปี อยู่ที่ 9.25%
ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2561 ยังมีอัตราการเติบโตแบบต่อเนื่อง ในขณะที่เงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้นจากการที่ตลาดแรงงานทั่วโลกมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น และทำให้อัตราค่าจ้างเพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้ธนาคารกลางในหลายประเทศเริ่มดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น โดยธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้งพร้อมกับการลดขนาดสินทรัพย์ลง ในขณะที่ธนาคารกลางในยุโรปและญี่ปุ่นอาจยังไม่มีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแต่เริ่มจะลดการเข้าซื้อพันธบัตรตามนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ(Quantitative Easing)ลง ตลาดตราสารหนี้โดยภาพรวมอาจจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้นบ้าง จากการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในแต่ละช่วง
แต่กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมก็จะช่วยลดความผันผวนของตลาดได้ โดยการลงทุนในพันธบัตรเอกชนที่มีแนวโน้มธุรกิจและฐานะทางการเงินที่ดีขึ้นจากเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้น ทำให้ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทนั้นๆมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากแนวโน้ม Credit Rating ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่การลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุสั้นก็จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนใหม่เมื่อตราสารครบกำหนด (Roll Over) เนื่องจากตราสารใหม่ที่ลงทุนก็จะมีอัตราผลตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้นตามการปรับตัวของตลาด
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 180(KTFF180)เสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 23 มกราคม 2561 อายุโครงการ 6 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Bank of China , Agricultural Bank of China , China Construction Bank , Bank of Communications , Industrial and Commercial Bank of China Ltd. ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 19% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในธนาคารแห่งประเทศไทย ผลตอบแทนประมาณ 1.57%ต่อปี