ONEAM ขายกองทุนใหม่ ลงทุนหุ้นไทย ถึง 4 ก.ค.นี้
ONEAM ขายกองทุนใหม่ “ONE-OPPORTUNITY 6” เน้นลงทุนหุ้นไทย ถึง 4 ก.ค.นี้
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมออกกองทุนเปิดวรรณ ออพพอร์ทูนิตี้ 6 (ONE-OPPORTUNITY 6) เน้นลงทุนหุ้นไทย ไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าสินทรัพย์กองทุนรวม และเลือกใช้กลยุทธ์ผสมผสานระหว่างปัจจัยพื้นฐานในหุ้นกลุ่มที่ได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและสัญญาณทางเทคนิค ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะความผันผวนของตลาดหุ้น โดยเตรียมเสนอขายระหว่างวันที่ 25 มิ.ย.-4 ก.ค.นี้ ขณะที่มองตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ หุ้นตลาดเกิดใหม่ปรับตัวรอบ 10 ปี ตามวัฎจักรเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เกิดภาวะเงินทุนไหลกลับตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นหากมีปัจจัยบวกใหม่เพิ่มเข้ามาในตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย รวมถึงไทย ก็ยังมีโอกาสเงินทุนไหลกลับ โดยแนะนำให้นักลงทุนทยอยลงทุนในตลาดหุ้นไทยเมื่อดัชนีย่อตัวลง
สำหรับภาพการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้เป็นการปรับตัวจากปัจจัยเรื่องธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทำให้เกิดภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายเงินทุนจากตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market: EM) รวมถึงไทยไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีฐานะทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งกว่า
โดยสะท้อนได้จากดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินในตลาดกลุ่มประเทศ EM นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่ภาวะการไหลของเงินทุน ไปยังตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว (Develop Market :DM) ในประเทศอื่นได้อีก หากเศรษฐกิจของ DM ประเทศอื่นมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจน
“ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียรวมถึงไทยช่วงนี้มองว่าเป็นการตอบรับกับ Economic Cycle ที่กำลังเปลี่ยนในรอบ 10 ปี หลังจากใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมายาวนาน ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมาใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดมากขึ้น เหมือนเป็นการดึงสภาพคล่องออกจากระบบ ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินลงทุน
อย่างไรก็ดีการไหลกลับของเงินทุนในช่วงนี้มองว่าเป็นการปรับพอร์ต (Asset Allocation) ของนักลงทุนต่างชาติ โดยไม่ได้หมายความว่า เม็ดเงินของต่างชาติจะไม่สนใจหุ้นในตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทยอีกต่อไป ทั้งนี้ หากภาพเศรษฐกิจของเอเชียแข็งแกร่งขึ้นชัดเจนหรือมีความเชื่อมั่นจากปัจจัยในแต่ละประเทศอื่นๆ ที่เอื้อต่อความน่าสนใจลงทุน โอกาสที่เงินทุนจะไหลกลับเข้ามาก็ยังมีอยู่เช่นเดิม
สำหรับประเด็นเรื่องสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐอเมริกา กับ จีน น่าจะเป็นลักษณะของการต่อรอง ซึ่งอาจจะสร้างความผันผวนให้กับภาวะการลงทุน ซึ่งเรามองว่าเป็นโอกาส”นายพจน์ กล่าว
ส่วนของตลาดหุ้นไทย การเคลื่อนไหวของดัชนีจะมาจากปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก โดยยังคงเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย แม้ว่าตอนนี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะมาจากการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่ยังมีการสนับสนุนทางเศรษฐกิจจากภาครัฐทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การบริโภคที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นจากรายได้ภาคการเกษตรที่ผ่านจุดต่ำสุด
นอกจากนี้ หากมีการเลือกตั้งปีหน้า ทำให้มองว่าเศรษฐกิจจะมีการฟื้นตัวและการบริโภคในประเทศก็จะตามมาอย่างชัดเจน ดังนั้น ในแง่ของการลงทุนบนพื้นฐานของความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยยังมีศักยภาพในการเติบโต และค่า P/E ของตลาดหุ้นไทย (19/06/61) ลดลงอยู่ที่ระดับ 14.95 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี อยู่ที่ 15.18 เท่า สะท้อนระดับดัชนีตลาดหุ้นไทยเริ่มกลับมามีความน่าสนใจ ซึ่งหากดัชนีย่อตัวลง
สำหรับกองทุน ONE-OPPORTUNITY 6 มีเป้าหมายเลิกโครงการเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับ 10.63 บาทต่อหน่วย หรือ ผลตอบแทนประมาณ 6% ภายใน 6 เดือน โดยกองทุน ONE-OPPORTUNITY 6 จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ 2 ครั้ง
โดยครั้งแรก จะรับซื้อคืนหน่วยฯ เมื่อระดับ NAV แตะระดับ 10.30 บาทต่อหน่วยและครั้งที่ 2 จะรับซื้อคืนหน่วยฯ เมื่อ NAV แตะระดับ 10.63 บาทต่อหน่วยและเลิกโครงการ ซึ่งบริษัทจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งสุดท้าย เพื่อซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนเปิด วรรณเดลี่ ภายใน 5 วันทำการนับตั้งแต่วันถัดจากวันทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ
“เชื่อมั่นว่ากองทุน one-opportunity 6 จะเป็นทางเลือกเพื่อสร้างผลตอบแทนในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะในช่วงตลาดหุ้นมีความผันผวนและความเสี่ยงจากเงินทุนไหลออกเริ่มจำกัด กองทุนจะเน้นลงทุนในกลุ่มบริโภคภายในประเทศที่ได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจไทยและโลกที่ฟื้นตัว อาทิ ธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ รวมทั้ง กลุ่มท่องเที่ยว
ทั้งนี้หากจะลงทุนหุ้นโดยตรงผมแนะนำ ระยะยาวควรลงทุนกลุ่มบริโภคภายในประเทศ อย่างไรก็ดี ในระยะสั้น กลุ่มรับเหมาก็น่าสนใจเพราะรัฐบาลก็มีการกระตุ้นโปรเจคให้เกิดภายในครึ่งปีหลังนี้ค่อนข้างมาก”นายพจน์ กล่าว