ONEAM แนะทยอยสะสมกอง ONE-UGG ชูผลตอบแทนสูง
ONEAM แนะทยอยสะสมกอง ONE-UGG ชูผลตอบแทนสูง
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด หรือ บลจ.วรรณ (ONEAM) เปิดเผยว่า ปัญหาสงครามการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯและประเทศจีน ยังส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก และตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศ ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) เป็นระยะ สะท้อนได้จากการทิศทางค่าเงินหยวนของประเทศจีนที่อ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับมาตรการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ และจีน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์ นี้
“ความไม่แน่นอนในเรื่องปัญหาของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงกดดันต่อตลาดหุ้นทั่วโลกเป็นระยะ อย่างไรก็ดี มองว่า ปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นทั้งสองฝ่ายจะหาทางออกร่วมกันได้ และได้บทสรุปที่ชัดเจน ดังนั้น การพิจารณาลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้ ควรเน้นเรื่องของปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
สำหรับปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญและมีผลต่อตลาดอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าคือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed และการยุติมาตรการ QE ของธนาคารกลางยุโรปในปีนี้ เพราะการเปลี่ยนนโยบายทางการเงินจากผ่อนคลายมาเป็นเข้มงวดบ่งบอกได้ว่า เศรษฐกิจโลกยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและขยายตัวได้ดี ทำให้ต้องมีการควบคุมปริมาณเงินในระบบและอัตราเงินเฟ้อ นายพจน์กล่าว
นอกจากปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่งแล้วนั้น บลจ.วรรณ มองว่า ธนาคารกลางทั่วโลกจะเริ่มพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรักษาส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยในประเทศของตนกับประเทศสหรัฐฯไม่ให้แตกต่างกันมากจนเกินไป แต่ทิศทางการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวของแต่ละประเทศจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะอัตราดอกเบี้ยในประเทศต้องเหมาะสมและเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี
ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกดีขึ้น ซึ่งนำโดยเศรษฐกิจประเทศสหรัฐฯ เป็นหลัก ได้ส่งผลดีต่อ การลงทุนในสินทรัพย์ประเภทหุ้นมากกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ที่จะยังคงได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นตาม ส่งผลให้ราคาของตราสารหนี้ลดลง
โดยการคัดเลือกหุ้นที่เหมาะสำหรับการลงทุนในช่วงนี้ ควรเป็นหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง และหลีกเลี่ยงหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากจากสงครามการค้า
ทั้งนี้ ในส่วนของนักลงทุนที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ บลจ.วรรณ แนะนำ กองทุนเปิดวรรณ อัลติเมท โกลบอล โกรว์ธ (ONE-UGG) ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุน Baillie Gifford Long Term Global Growth Fund เน้นลงทุนในหุ้นที่มีอัตราการเติบโตระดับสูงในระยะยาว อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสูงถึง 44.4 %, กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคแบบฟุ่มเฟือยที่ 34.1% รวมถึงกลุ่มเทคโนโลยีการแพทย์ชั้นสูงอยู่ที่ 14.3%
โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ กองทุน ONE-UGG สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 17.22% สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในบรรดากองทุนรวมทั้งหมดในไทย จากภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนเช่นนี้ จึงมองเป็นโอกาสในการทยอยเข้าสะสมการลงทุนในกองทุน ONE-UGG