KAsset เปิดขาย K-VIETNAM ถึง 22 ต.ค.

KAsset เปิดขาย K-VIETNAM ลงทุนตรงในหุ้นเวียดนาม ถึง 22 ต.ค.


นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กสิกรไทย (KAsset) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เวียดนาม หุ้นทุน (K-VIETNAM) โดยมีนโยบายลงทุนตรงในหุ้นเวียดนามที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และได้รับประโยชน์จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ รวมถึงการเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่ของโลก โดยเสนอขายกองทุนครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 16-22 ต.ค.61

สำหรับจุดเด่นของกองทุน K-VIETNAM คือ ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีมบริหารจัดการลงทุนของ บลจ. กสิกรไทย ที่ได้ทำการศึกษา วิเคราะห์และลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในประเทศเวียดนามแบบ Bottom-Up มาตั้งแต่เริ่มมีการขยายขอบเขตการลงทุนโดยตรงครอบคลุมไปถึงประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มอาเซียนตั้งแต่ปลายปี 2556 ซึ่งปัจจุบันมีทีมผู้จัดการลงทุนและนักวิเคราะห์ จำนวน 9 คนที่ได้รับมอบหมายให้ทำการศึกษาและวิเคราะห์บริษัทจดทะเบียนในประเทศเวียดนาม

โดยแบ่งตามความเชี่ยวชาญในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมและประเทศ ด้วยการไป Company Visit ในพื้นที่จริงและเข้าพบผู้บริหารอย่างสม่ำเสมอ การประชุมผ่าน Conference Call กับบริษัทที่เลือกลงทุน รวมถึงการเฟ้นหาโอกาสการลงทุนในหุ้นใหม่ ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงและมีความสามารถในการแข่งขัน อย่างน้อยไตรมาสละ 1 ครั้ง

ทั้งนี้ผ่านมา บลจ. กสิกรไทยมีการลงทุนโดยตรงในเวียดนามในกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนโดยตรงในต่างประเทศได้ ผสมกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เนื่องจากตลาดหุ้นเวียดนามหลายปีก่อนหน้ามีสภาพคล่องที่ค่อนข้างต่ำ อีกทั้งการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนมีค่อนข้างจำกัด ตลอดจนมีการนำเรื่องการกำกับดูแลกิจการที่ดีมาพิจารณาประกอบด้วย ทำให้มีตัวเลือกในการลงทุนในเวียดนามไม่มากนักเมื่อเทียบกับปัจจุบัน

ภาพรวมเศรษฐกิจเวียดนามมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ตัวเลข GDP จะเติบโตในระดับ 6.7-6.8% ไปจนถึงปี 2020 ซึ่งสูงที่สุดในกลุ่ม ASEAN Emerging Market ทั้งนี้เนื่องจากเวียดนามมีโครงสร้างประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน นับเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว

ประกอบกับรัฐบาลได้ให้ความสำคัญและมุ่งเน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับความสามารถทางการแข่งขันในระดับภูมิภาค นอกจากนี้ภาคการส่งออกมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ค่าเงินเวียดนามด่อง (VND) มีเสถียรภาพมากขึ้น”นางสาวธิดาศิริ กล่าว

โดยตลาดหุ้นเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐที่มีความพยายามปฏิรูปตลาดทุนให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมถึงมีแผนปรับลดสัดส่วนการถือครองรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่โดยโอนกิจการของรัฐไปเป็นของเอกชน ผ่านการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของตลาดทุน

ทั้งนี้คาดว่าเวียดนามจะเข้าสู่การเป็นสมาชิกตลาดประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Market) ในปี 2563 ส่งผลให้มีเม็ดเงินจากต่างชาติเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเวียดนามยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการมีสัดส่วนของนักลงทุนรายย่อยเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้อาจเกิดแรงเทขายหุ้นในช่วงที่ตลาดมี sentiment เชิงลบ อีกทั้งค่าเงินเวียดนามด่อง อาจมีความผันผวนในระยะสั้นจากความไม่แน่นอนของปัจจัยภายนอก

Back to top button