บลจ.ธนชาต คัด 6 กองทุนสุดเด็ด เอาใจนลท.ช่วงลดหย่อนภาษี
บลจ.ธนชาต คัด LTF/RMF เด็ดสุด 6 กองทุน เอาใจนลท.ช่วงลดหย่อนภาษี
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด หรือ บลจ.ธนชาต เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ ซึ่งเป็น 2 เดือนสุดท้ายของปี ถือเป็นช่วงที่ผู้ลงทุนให้ความสนใจลงทุนกองทุนที่มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างกองทุน LTF-RMF เป็นอย่างมาก และบริษัททราบดีว่า ผู้ลงทุนมักจะต้องการคำแนะนำว่าควรลงทุนในกองทุนไหนดี กองทุนไหนมีแนวโน้มที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีในอนาคตมากที่สุด ซึ่งจะว่าไปแล้วกองทุนที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนอาจเป็นเรื่องยาก แต่การเลือกลงทุนในกองทุนที่เหมาะกับผู้ลงทุนแต่ละรายน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ดังนั้น ในปีนี้ บลจ.ธนชาต จึงได้คัดสรรกองทุน LTF/RMF ที่มีจุดเด่น 6 กองทุน จากทั้งหมด 16 กองทุน เพื่อให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้เหมาะสมกับความต้องการและความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้ โดยบริษัทได้คัดเลือกกองทุน LTF จำนวน 3 กองทุน และกองทุน RMF จำนวน 3 กองทุน ที่มีจุดเด่นแตกต่างกันออกไป ดังนี้
- กองทุน T-NFRMF กองทุน RMF ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี สามารถไว้ใจลงทุนได้ในระยะยาว ที่ผ่านมาได้รับรางวัลถึง 10 รางวัล* ถือว่าเป็นกองทุนที่ได้รับรางวัลมากที่สุดในบรรดากองทุนตราสารหนี้ของ บลจ.ธนชาต
- กองทุน T-NMIXRMF กองทุน RMFมีนโยบายการลงทุนเป็นแบบผสมจึงมีความยืดหยุ่น ทำให้ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะตลาดในแต่ละขณะได้
- กองทุน T-GlobalEQRMF กองทุน RMF ที่กระจายการลงทุนในกองทุนหุ้นทั่วโลก โดยผู้จัดการกองทุนจะคัดเลือกกองทุนหุ้นที่โดดเด่นในแต่ละภูมิภาค และปรับน้ำหนักการลงทุนให้ใกล้เคียงกับ Global Market Share ทำให้กองทุนสะท้อนการเติบโตของโลกได้เป็นอย่างดี
- กองทุน T-BigCapLTF เป็นกองทุน LTF ที่นโยบายเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่คุณภาพดี ทำให้กองทุนนี้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่เติบโตอย่างมั่นคง
- กองทุน T-LTFD กองทุน LTF ที่มีนโยบายจ่ายปันผล โดยตั้งแต่รอบปีบัญชี 2547-2560 มีการจ่ายปันผลไปแล้ว 12 ครั้ง รวมเป็นเงิน 7.61 บาท** (ข้อมูล ณ 28 ก.ย. 61) ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ LTF กองอื่นๆ ถือเป็นกองทุนที่มีการจ่ายเงินปันผลมากที่สุด
- กองทุน T-LowBetaLTFD เป็นกองทุน LTF ที่มีนโยบายโดดเด่น เน้นลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนค่อนข้างต่ำ (Beta < 1) ซึ่งมักเป็นหุ้นที่ต้องกินต้องใช้ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ทำให้เหมาะกับผู้ที่อยากลงทุนในหุ้น แต่ยังไม่กล้าหรือกลัวขาดทุนเยอะๆ โดยตลอดปี 2560 จนถึงวันที่ 28 ก.ย. 2561 ที่ผ่านมา กองทุนนี้เป็นกองทุนที่มียอดขายสูงสุดในกลุ่ม LTF/RMF ของ บลจ.ธนชาต
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า 6 กองทุนที่ บลจ.ธนชาต คัดสรรมาให้กับผู้ลงทุนในปีนี้ แต่ละกองทุนมีความโดดเด่น และมีความเฉพาะตัวแตกต่างกันออกไป และส่วนมากจะเน้นลงทุนในหุ้น เพราะบริษัทเชื่อว่าการลงทุนระยะยาวในสินทรัพย์ประเภทนี้ ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่า และยังช่วยให้การวางแผนเกษียณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
“โดยส่วนตัวมองว่าช่วงนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนกองทุนประเภท LTF/RMF หลังราคาหุ้นไทยปรับตัวลงมาในระดับหนึ่งแล้ว และเวลาสำหรับการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีในปีนี้เหลือไม่มากนัก หากนักลงทุนยังรีรอ และหวังว่าในช่วงสิ้นปีราคาหุ้นไทยจะปรับลดลงนั้น อาจทำให้ได้หุ้นในราคาที่แพงในช่วงสิ้นปีได้ ดังนั้นแนะว่าให้ทยอยลงทุนไปเรื่อยๆ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ประกอบกับในช่วงนี้ถือเป็นจังหวะในการเก็บกองทุน LTF/RMF ที่มีต้นทุนต่ำกว่าช่วงพีคของปีนี้มาก และหุ้นไทยเองก็ปรับตัวลงมาในระดับที่น่าลงทุนแล้ว” นายบุญชัย กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจกองทุน LTF/RMF ของ บลจ.ธนชาต และอยากขอคำแนะนำการลงทุนจากผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน สามารถเข้าชมบูธของ บลจ.ธนชาต ได้ที่ มหกรรมการเงินการลงทุน SET in the city 2018 ระหว่างวันที่ 15-18 พฤศจิกายน 2561 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน ซึ่ง บลจ.ธนชาต ได้ขนโปรโมชั่นพิเศษสำหรับกองทุนอื่นไปในงานนี้ด้วย
สำหรับโปรโมชั่นกองทุน LTF/RMF ของ บลจ.ธนชาต จะคำนวณยอดเงินลงทุนทุกๆ 50,000 บาท และให้กองทุน T-CASH มูลค่า 100 บาท โดยต้องเป็นเงินลงทุนใหม่ในกองทุน LTF และ/หรือ RMF และนับยอดซื้อ-ขายสุทธิ (ยอดซื้อ+ยอดสับเปลี่ยนมาจาก บลจ.อื่น หักด้วยยอดขายและยอดสับเปลี่ยนไปยัง บลจ.อื่นๆ) ซึ่งจะยกเว้นยอดขายคืนที่ถูกต้องตามเงื่อนไขทางภาษี ในปี 2561 เท่านั้น ทั้งนี้โครงการส่งเสริมการขายจะพิจารณาจากจำนวนเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนสุทธิ ณ วันทำการสุดท้ายของปี 2561 และ ต้องคงหน่วยลงทุนดังกล่าวไว้จน ถึง วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562