บลจ.แอล เอช ฟันด์ ออกกองทุนหุ้นปันผล ขายถึง 29 ม.ค.

บลจ.แอล เอช ฟันด์ ออกกองทุนหุ้นปันผล ขายถึง 29 ม.ค.


นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ในกลุ่มบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เปิดเผยว่า แอล เอช ฟันด์ ออกกองทุนเปิด แอล เอช หุ้นปันผล พลัส (LH EQUITY DIVIDEND PLUS FUND : LHEQDPLUS) ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลและมีแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลที่ดี  โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม เสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 17-29 ม.ค.62 หลังมองตลาดหุ้นที่ค่อนข้างผันผวนจะเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่จะลงทุนในหุ้นกลุ่มปันผล (High Dividend Stock)

สำหรับหลักเกณฑ์การลงทุนของกองทุน LHEQDPLUS จะคัดเลือกหุ้นที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลในอดีตย้อนหลังอย่างน้อย 1-3 ปี และ/หรือแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลในอนาคต และ/หรือผลประกอบการในอดีต และ/หรือผลประกอบการปัจจุบัน และ/หรือแนวโน้มการเติบโตในอนาคต โดยจะมีการพิจารณาเลือกลงทุนให้สอดคล้องตามเกณฑ์ที่กำหนด และพิจารณาปรับหลักทรัพย์ที่ลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ

โดยจุดเด่นของกองทุนนอกจากจะลงทุนเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนจากหุ้นที่ลงทุนแล้ว ผู้ลงทุนยังได้รับสิทธิ์ประกันคุ้มครองสุขภาพตลอดอายุการลงทุนกับ แอล เอช ฟันด์  เมื่อลงทุนตั้งแต่ 150,000 บาทขึ้นไป (เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่กำหนดในกรมธรรม์)

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มผันผวนตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ทั้งจากผลของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ความไม่แน่นอนของนโยบายทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และสภาพคล่องโดยรวมที่ลดลง อย่างไรก็ดี หากพิจารณาถึงอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ 3.5-4% แม้ว่าภาคต่างประเทศจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากภาคการส่งออก แต่การเติบโตภายในประเทศยังขยายตัวได้ดีจากการบริโภคและการลงทุนในประเทศ โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 2562 ที่ 4-6%

นอกจากนี้ แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของไทยยังเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้อัตราผลตอบแทนจากตลาดตราสารหนี้ยังไม่น่าสนใจมากนัก เมื่อพิจารณาถึงมูลค่าจากปัจจัยพื้นฐาน ตลาดหุ้นไทยได้รับรู้ถึงปัจจัยลบมาค่อนข้างมากแล้ว โดยปัจจุบันอัตราส่วนราคาต่อกำไรในปี 2562 (Forward PE) อยู่ที่ 13.8x ซึ่งเป็นระดับค่าเฉลี่ยในระยะยาว ทั้งนี้ แอล เอช ฟันด์ คาดว่า SET Index มีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบกว้างที่ 1,500-1,750 จุด ในช่วงปี 2562

ทั้งนี้ ด้วยภาพของตลาดหุ้นที่ค่อนข้างผันผวน จึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุน โดยเน้นลงทุนในหุ้นที่มีรายได้มั่นคง และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ เพื่อลดความผันผวนของราคาหุ้น เช่น กลุ่มสาธารณูปโภค เนื่องจากได้รับผลกระทบเชิงลบจากเศรษฐกิจน้อย และกลุ่มหุ้นที่จ่ายปันผลสูง (High Dividend Stock) เพราะมีแนวโน้มปรับตัวดีกว่าหุ้นเติบโต (Growth Stock) เนื่องจากในภาวะตลาดหุ้นผันผวนนักลงทุนจะต้องการกระแสเงินสดที่ค่อนข้างแน่นอนจากเงินปันผล มากกว่ากำไรจากส่วนต่างของราคาของหุ้นเติบโตที่มีความไม่แน่นอน  โดยข้อมูล ณ วันที่ 9 ธ.ค. 61 SETHD Index ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 4.6% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ของไทย ให้ผลตอบแทนที่ 2.55%

Back to top button