บลจ.ทิสโก้ ส่งกอง TGREIT ลงทุนอสังหาฯ ทั่วโลก
บลจ.ทิสโก้ ส่งกองทุนเปิด “ทิสโก้ โกลบอล รีท" ลงทุนอสังหาฯ ทั่วโลก ตอบโจทย์ช่วงผันผวน บอนด์ดอกเบี้ยต่ำ เสนอขาย IPO 2-10 ก.ย. 62
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นยังคงผันผวน เพราะนักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังตัวเลขเศรษฐกิจของหลายประเทศเริ่มชะลอตัว
อีกทั้งประกอบกับมีความเสี่ยงเรื่องสงครามการค้าของสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า และการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษรออยู่ ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศสำคัญๆ ปรับตัวลงมาอยู่ในระดับต่ำถึงติดลบ เพราะธนาคารกลางทั่วโลกต่างใช้มาตรการทางการเงินเชิงผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบ
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ บลจ.ทิสโก้ยังคงแนะนำให้นักลงทุนจัดพอร์ตการลงทุนด้วยการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทที่มีการจ่ายอัตราผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอ เช่น ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีท) เพราะนอกจากรายได้ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตอย่างต่อเนื่องตามกระแสการย้ายภูมิลำเนาของประชากรสู่สังคมเมือง (Urbanization) แล้ว “รีท” ยังมีอัตราการจ่ายปันผลที่ดี และสม่ำเสมอ อีกทั้งยังช่วยนักลงทุนกระจายสินทรัพย์การลงทุนอีกด้วย
รวมทั้งเพื่อเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนได้ลงทุนใน “รีท” ที่น่าสนใจทั่วโลก บลจ.ทิสโก้จึงเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล รีท (TGREIT) กองทุนสินทรัพย์ทางเลือกความเสี่ยงระดับ 8 (เสี่ยงสูงมาก) เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรป ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง และออสเตรเลีย ผ่านหน่วยลงทุนของกองทุน B&I Global Real Estate Securities Fund (UCITS) ชนิดหน่วยลงทุน S (กองทุนหลัก) เปิดเสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 2-10 กันยายน 2562 มูลค่าลงทุนขั้นต่ำ1,000 บาท ทั้งนี้ กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
สำหรับจุดเด่นของกองทุน TGREIT นอกจากจะได้กระจายสินทรัพย์ลงทุนไปในหลายประเทศแล้ว ยังได้ลงทุนในรีทที่มีรายได้จากหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มที่อยู่อาศัย (Residential), กลุ่มโลจิสติกส์ (Logistics) เช่น คลังสินค้า, กลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะ (Specialized) เช่น ธุรกิจเสาสัญญาณโทรศัพท์ ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์, กลุ่มอาคารสำนักงาน (Office) และกลุ่มเฮลท์แคร์ (Healthcare) เช่น ธุรกิจโรงพยาบาลให้เช่า เป็นต้น ซึ่งแต่ละกลุ่มมีโอกาสการเติบโตที่ต่างกันออกไป ทั้งนี้ การกระจายการลงทุนในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมเช่นนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของรายได้ และทำให้ไม่พลาดโอกาสการลงทุนที่ดี
“โอกาสการเติบโตของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมแตกต่างกันออกไป อย่างในประเทศสหรัฐฯ กลุ่ม Logistic ยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดีจากแรงหนุนของธุรกิจ E-commerce ที่ต้องใช้พื้นที่สำหรับจัดเก็บสินค้ามากกว่าร้านค้าปกติถึง 3 เท่า เนื่องจากที่มีสินค้าหลากหลาย และปัจจุบันธุรกิจ E-commerce มีสัดส่วนยอดขายเพียง 10% ของธุรกิจค้าปลีก จึงมีโอกาสเติบโตอีกมาก, กลุ่ม Residential ซึ่งปัจจุบันประชากรในสหรัฐฯ มีแนวโน้มเลือกที่จะเช่าที่อยู่อาศัยแทนการซื้อเป็นเจ้าของ
รวมทั้งกลุ่ม Healthcare ได้รับปัจจัยหนุนจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ Healthcare เพิ่มขึ้น ในยุโรป กลุ่ม Specialize มีศักยภาพในการเติบโตอย่างมากจากค่าเช่าบริการห้องเก็บของส่วนตัว และในเอเชียกลุ่ม Office ยังคงน่าสนใจ โดยเฉพาะประเทศ สิงค์โปร์ ฮ่องกง และญี่ปุ่น เพราะมีโอกาสที่ค่าเช่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากข้อจำกัดเรื่องภูมิประเทศ ที่ส่วนใหญ่เป็นเกาะทำให้มีพื้นที่จำกัด” นายสาห์รัชกล่าว
นอกจากนี้พิเศษสำหรับลูกค้าที่มียอดลงทุนในกองทุน TGREIT ระหว่างวันที่ 2-10 กันยายน 2562 ตั้งแต่ 5 – 9.99 ล้านบาท รับทองคำหนัก 1 สลึง ลงทุนตั้งแต่ 10 – 19.99 ล้านบาท รับทองคำหนัก 2 สลึง ลงทุนตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป รับทองคำหนัก 1 บาท (1 ท่านต่อ 1 สิทธิ์) ทั้งนี้ กองทุนเปิด TGREIT อาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม