KAsset ควักเงินปันผล 7 กองหุ้นต่างประเทศ กว่า 300 ลบ.

KAsset ควักเงินปันผล 7 กองหุ้นต่างประเทศ กว่า 300 ลบ.


นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด หรือ เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมจ่ายปันผลกองทุนต่างประเทศ จำนวน 7 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค โกลบอล เฮลท์แคร์ หุ้นทุน (K-GHEALTH) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 พ.ย. 61 ถึง 31 ต.ค. 62 กองทุนเปิดเค อินเดีย หุ้นทุน (K-INDIA) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 ก.พ. 62 ถึง 31 ต.ค. 62 กองทุนเปิดเค โกลบอล อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต ออพพอร์ทูนนิตี้ (K- GEMO)

รวมทั้งกองทุนเปิดเค ยูเอสเอ หุ้นทุน-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (K-USA-A(D)) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 พ.ค. 62 ถึง 31 ต.ค. 62 กองทุนเปิดเค ยูโรเปียน หุ้นทุน (K-EUROPE) กองทุนเปิดเค ยูโรเปียน ซิลเวอร์เอจ หุ้นทุน (K- EUSAGE) และกองทุนเปิดเค โกลบอล พร็อพเพอร์ตี้ หุ้นทุน (K-GPROP) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 ส.ค. 62 ถึง 31 ต.ค. 62 โดยทุกกองทุนจ่ายปันผลในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย และมีกำหนดจ่ายพร้อมกันในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 338.58 ล้านบาท

สำหรับกองทุนที่จ่ายปันผลในรอบนี้ล้วนมีผลการดำเนินงานที่ดี โดยจะเห็นได้จากหลายกองทุนได้รับการจัดอันดับจาก Morningstar ซึ่งจะพิจารณาจากกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดีต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปี เปรียบเทียบกับกองทุนประเภทเดียวกัน ผ่านวิธีการคำนวณจาก Morningstar Risk Adjusted Return (MRAR) ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลภายใต้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก

ทั้งนี้ กองทุน K-GHEALTH, K-GEMO และ K-EUROPE ได้รับการจัดอันดับ Overall Morningstar Rating 5 ดาว และกองทุน K-INDIA และ K-USA-A(D) ได้รับการจัดอันดับ Overall Morningstar Rating 4 ดาว (ที่มา: Morningstar ณ 31 ต.ค. 62) ซึ่งผู้ลงทุนสามารถพิจารณาผลการจัดอันดับ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ อย่างไรก็ดี บลจ.กสิกรไทย มุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานการบริหารจัดการ เพื่อสร้างผลการดำเนินที่ดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งคำนึงถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมภายใต้ความผันผวนของตลาดด้วยเช่นกัน

“สำหรับมุมมองต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงมีความผันผวนสูง แม้ว่าประเด็นสงครามการค้าจะดูมีท่าทีพยายามเจรจากันมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งธนาคารกลางสหรัฐฯ และยุโรปได้ดำเนินนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายเพิ่มเติมตามที่ตลาดคาดแล้วก็ตาม แต่ภาพรวมที่กดดันบรรยากาศการลงทุนมีหลายปัจจัย ทั้งตัวเลขภาคการผลิตที่อยู่ในแดนหดตัว แรงกดดันจากสงครามการค้าที่กระทบต่ออุปสงค์ทั่วโลก รวมถึงประเด็นทางการเมืองที่พร้อมจะระอุได้ทุกเมื่อจากหลายมุมโลก อาทิ Brexit และความไม่สงบในตะวันออกกลาง เป็นต้น

นอกจากนี้ด้านผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตช้าลง ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย มีมุมมองให้ค่อนข้างระมัดระวังต่อการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นโลก ซึ่งสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถรับความผันผวนได้ แนะนำให้กระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวน

อย่างไรก็ตาม ยังควรติดตามความชัดเจนจากการเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่คาดว่าจะตกลงกันได้ภายในปีนี้ และประเด็น Brexit หลังจากที่อังกฤษกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ และขยายเส้นตาย Brexit ออกไปเป็นสิ้นเดือน ม.ค. 63″ นายนาวินกล่าว

Back to top button