LH Fund ขายกองทุนหุ้นธีม ESG เน้นธุรกิจจัดการสิ่งแวดล้อม
LH Fund ขายกองทุนหุ้นธีม ESG เน้นธุรกิจจัดการสิ่งแวดล้อม
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH Fund) กล่าวว่า ปัจจุบันหลายประเทศได้ออกนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น คาดว่าจะมีเงินลงทุนในกลุ่มนี้มหาศาล ซึ่งปัจจุบันเม็ดเงินทั่วโลกเข้ามาลงทุนในธีมกองทุนยั่งยืน (ESG) อย่างต่อเนื่อง ในปี 2563 มีเม็ดเงินที่ลงทุนผ่านธีมนี้มากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมากสุดเป็นประวัติการณ์ โดยทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และคนรุ่นใหม่ ผนึกกำลังให้ความสนใจ และร่วมกันแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม จึงเห็นว่าการเติบโตของบริษัทในอนาคตจะขึ้นอยู่กับความสามารถของบริษัทที่จะผลักดันการใช้พลังงานสะอาด หรือการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดย LH Fund มีการจัดตั้งกองทุนเปิด แอล เอช กรีน เทคโนโลยี หรือ LHGREEN ที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Credit Suisse (Lux) Environmental Impact Equity Fund โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีมากกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ทั้งนี้ LHGREEN กำหนดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) วันที่ 15 – 23 มี.ค.64
ทั้งนี้ กองทุนหลักมีนโยบายลงทุน ในทรัพย์สินของบริษัทต่างๆที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการแก้ไขปัญหา ด้านสิ่งแวดล้อม และสามารถลดผลกระทบหรือ ก่อให้เกิดผลเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งสอดรับกับ 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (United Nations 17 Sustainable Development Goals – SDGs)
สำหรับกองทุนหลักจะลงทุนใน 4 ธีมหลัก ที่ครอบคลุมการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในทุกด้าน ได้แก่ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานอย่างยั่งยืน, การบริหารจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน, การลดปริมาณของเสียผ่านการรีไซเคิล และเทคโนโลยีการลดปริมาณคาร์บอน ซึ่งกองทุนหลักมีหลักการบริหารพอร์ตการลงทุนแบบระยะยาว โดยผ่านกระบวนการคัดเลือกหุ้นที่ดำเนินธุรกิจในการแก้ไขปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดประมาณ 40-50 ตัว โดยเน้นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก LHGREEN มีความเสี่ยงอยู่ในระดับ 6 และมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
ทั้งนี้ LHGREEN มี 3 class ให้นักลงทุนเลือกลงทุนได้ตามความเหมาะสม ได้แก่ Class A (ชนิดสะสมมูลค่า) Class D (ชนิดจ่ายเงินปันผล) และ Class E (ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์)
สำหรับ Class E พิเศษเฉพาะลูกค้าที่ทำรายการผ่านระบบ LHFund Online โดยมีมูลค่าการสั่งซื้อ หรือ สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนเข้ารวมกันสูงสุดไม่เกิน 2,000,000 บาท จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมการขาย (Front-End Fee) อีกด้วย ผู้ที่สนใจลงทุน สามารถทำรายการผ่านทาง LHFund Online