“บลจ.บีแคป” ส่งกอง “BCAP-CLEAN” ขายไอพีโอ 28 มิ.ย.- 2 ก.ค. 64 ลงทุนตปท.
“บลจ.บีแคป” ดันกองทุน BCAP-CLEAN ขายหน่วยครั้งแรก IPO 28 มิ.ย.-2 ก.ค.64 สามารถลงทุนขั้นต่ำ 500 บาทต่อครั้ง ผ่านตัวแทนรับซื้อ-ขายหน่วยลงทุนและธนาคารกรุงเทพ ทั้งนี้เป็นกองทุนนวัตกรรมเพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน ลงทุนต่างประเทศ รับเมกะเทรนด์ทั่วโลกตื่นตัวกระแสลดโลกร้อน
นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางกอกแคปปิตอล หรือ BCAP เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรกหรือ IPO กองทุนเปิดบีแคป คลีน อินโนเวชั่น (BCAP-CLEAN) ในวันที่ 28 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2564 โดยมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารทุนที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ ในธุรกิจที่เกี่ยวกับนวัตกรรมเพื่อช่วยในการรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่อย่างยั่งยืน
โดยกองทุน BCAP-CLEAN ถือเป็นกองทุนที่ตอบโจทย์การลงทุนแห่งศตวรรษ กับนวัตกรรมเพื่อความอยู่รอดของโลก เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีกว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CO2) และอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นคือวิกฤตที่เรากำลังเผชิญอยู่ เพราะก๊าซ CO2 เป็นสาเหตุหลักของปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งผู้นำทั่วโลกได้ลงนามในสนธิสัญญาปารีสที่จะผลักดันการแก้ปัญหามลภาวะนี้ โดยภายใน 20 ปี ทุกประเทศในโลกจะมีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CO2) เป็นศูนย์ ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากเป็นนโยบายที่ทุกประเทศต้องปฏิบัติตามสนธิสัญญา
“กองทุน BCAP-CLEAN มีนโยบายที่เน้นกระจายการลงทุนในหลากหลายมิติให้ครอบคลุมนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง และลงทุนในนวัตกรรมที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่กลุ่มพลังงานทดแทน แต่ครอบคลุม clean climate innovation ในทุกด้าน เช่น การผลิตไฟฟ้าหมุนเวียน การขนส่งด้วยพลังงานสะอาด เทคโนโลยีสะอาดในการผลิตภาคอุตสาหกรรม เทคโนโลยีสะอาดในภาคการเกษตรและปศุสัตว์ และ เศรษฐกิจหมุนเวียนที่เน้นประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร รวมทั้งเป็นกองทุน Thematic ที่มุ่งเน้นธีมการลงทุนที่เป็นเชิงโครงสร้าง โดยเลือกธุรกิจที่พลิกโฉมด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อรับมือกับ Disruption ในอนาคต”นางเมธ์วดีกล่าว
สำหรับจุดเด่นของกองทุน BCAP–CLEAN จะกระจายการลงทุนในกองทุน Active และ ETF ทั่วโลก ครอบคลุม 400 หลักทรัพย์ในธุรกิจที่เป็นนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยสัดส่วนจะให้น้ำหนักการลงทุนในเอเชียแปซิฟิก 43% รองมาเป็นอเมริกาเหนือ 27% ยุโรป 18% และอื่นๆ เนื่องจากมองว่า เอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดใหญ่ที่มีโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน
ทั้งนี้กองทุน BCAP-CLEAN ไม่มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผล ส่วนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนสามารถจองซื้อหน่วยลงทุนผ่านผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืน และธนาคารกรุงเทพได้ทุกวันทำการ ลงทุนขั้นต่ำ 500 บาท/ครั้ง
โดยผู้จัดการกองทุนคาดว่ากองทุนหลักๆ ที่จะลงทุนประกอบด้วย
1.Invesco Global Clean Energy ETF (PBD) 20 %
2.Invesco WilderHill Clean Energy ETF (PBW) 20 %
3.KraneShares MSCI China Clean Technology Index ETF (KGRN) 20 %
4.Amplify Lithium & Battery Technology ETF (BATT) 15 %
5.iShares Electric Vehicles & Driving Technology UCITS ETF (ECAR) 15 %
6.Rize Sustainable Future of Food UCITS ETF (FOOD) 5%
7.BGF Circular Economy (BGBCEIU) 5%