“บลจ.วี” แนะลงทุน “หุ้นยุโรป” ชี้ศก.เติบโต! ขายไอพีโอ “WE-EUROPE8M” เชิงรุก

“บลจ.วี” แนะนำลงทุนหุ้นยุโรป มองเศรษฐกิจเติบโตโดดเด่น เปิดเสนอขาย IPO “กองทุนเปิด วี ยุโรป 8M (WE-EUROPE8M)” ครั้งแรกวันที่ 21 – 25 ก.พ. 65 ลงทุนแบบมีเป้าหมายเลิกโครงการ 6% ในระยะเวลา 8 เดือน หรือเมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับ 10.63 บาทต่อหน่วย และต้องไม่ต่ำกว่า 10.60 บาทต่อหน่วย


นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างน่าสนใจ โดยคาดว่าในปี 2565 เศรษฐกิจยุโรปจะขยายตัวที่ระดับ 3.9% ดีกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ 3.8% และดีกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ 3.5% โดยส่งผลบวกไปถึงบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจากข้อมูล 6 เดือนย้อนหลัง พบว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปไม่รวมอังกฤษ  (Europe equity ex. UK) ถูกปรับประมาณการขึ้นมากกว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนทั่วโลก (Global equity) โดยเฉพาะตั้งแต่ต้นปี 2565 เป็นต้นมาที่ตลาดหุ้นได้ปรับฐานลงทั่วโลกแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งของหุ้นยุโรป และความมั่นใจของนักวิเคราะห์ที่มากกว่า

“ปัจจุบันตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวได้ก่อนตลาดสหรัฐฯ แม้ว่าช่วงตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นยุโรปจะปรับตัวลดลงอย่างมากตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่สามารถฟื้นตัว (Rebound) ได้ก่อน แสดงให้เห็นว่านักลงทุนรอจังหวะเข้าซื้อ (Bottom Fishing ) ในตลาดหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนที่แข็งแกร่ง” (ที่มา: Bloomberg as of 28 Jan 2022)

นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบระดับราคาที่เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐาน (Valuations) จาก Price to Earnings Ratio (PE) , Price to Book Ratio (PB), การเติบโตของกำไร (Earnings Growth) และอัตราจ่ายเงินปัน (Dividend Yield) จะพบว่าตลาดหุ้นยุโรปมีความน่าสนใจมากที่สุด เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ (S&P 500) หรือตลาดหุ้นทั่วโลก (MSCI ACWI Index) นอกจากนี้ตลาดหุ้นยุโรปมีสัดส่วนของหุ้นคุณค่า (Value Stock) มากกว่าตลาดหุ้นโลกและตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของ

โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด ประเมินว่าหุ้นคุณค่า (Value Stock) มีโอกาสจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า (Outperform) หุ้นเติบโต (Growth Stock) ที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมากแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ (ที่มา: Bloomberg as of 6 Feb 2022 และ Bloomberg, MSCI and S&P Global. Sector weightings as of  29 October 2021)

อีกทั้งตลาดหุ้นยุโรปถือเป็นผู้นำด้านการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment) ด้วยการลงทุนตามหลัก ESG (Environment Social Governance) ซึ่งเห็นได้จากร้อยละของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี MSCI Europeที่ได้รับการประเมิน ESG Score อยู่ในระดับที่สูงกว่าบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกโดยเฉพาะระดับ AA และ AAA เป็นต้น

สำหรับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังต้องติดตามสถานการณ์โดยคาดว่ามีโอกาสความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์ดังกล่าวจะจบลงด้วยการที่รัสเซียผนวกภาคตะวันออกของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียเช่นเดียวกับกรณีไครเมียร์ หรืออาจเกิดการเจรจาสันติภาพขึ้นจากทั้งสองฝ่ายด้วยการถอยคนละก้าว คือรัสเซียถอนกำลังทหาร และยูเครนยุติหรือระงับแผนการเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต้

ดังนั้นจากกลยุทธ์การลงทุน กองทุนเปิด วี ยุโรป 8M (WE-EUROPE8M) ที่ผู้จัดการสามารถปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ จึงเป็นโอกาสเข้าลงทุนจากความผันผวนในระยะสั้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อพิจารณาขายทำกำไรในระยะถัดไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆด้วย

อย่างไรก็ดีจึงเป็นจังหวะดีสำหรับการลงทุนในหุ้นยุโรป บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด จึงเปิดเสนอขาย IPO “กองทุนเปิด วี ยุโรป 8M (WE-EUROPE8M)” เสนอขายครั้งแรกวันที่ 21 – 25 กุมภาพันธ์ 2565 ลงทุนแบบมีเป้าหมายเลิกโครงการ  6% ในระยะเวลา 8 เดือน หรือเมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับ 10.63 บาทต่อหน่วย และต้องไม่ต่ำกว่า 10.60 บาทต่อหน่วย

ทั้งนี้กองทุนมีนโยบายลงทุนเชิงรุกในหุ้นกลุ่มประเทศยุโรปที่มีแนวโน้มเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ผ่านกองทุน ETF หรือหุ้นรายตัวซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นยุโรป หรือหุ้นที่มีรายได้จากการประกอบธุรกิจในยุโรปเป็นหลักที่คัดเลือกโดยผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญ ซึ่งเน้นจับจังหวะตลาดในช่วงที่ระดับราคาน่าสนใจและมีปัจจัยพื้นฐานการเติบโตดี

ด้านกลยุทธ์ เน้นลงทุนแบบผสมผสานในหุ้นคุณค่า (Value Play) ผ่าน กองทุน iShares Edge MSCI Europe Value Factor UCITS ETF) ในสัดส่วนประมาณ 30% และลงทุนใน หุ้นกำลังเติบโตขาขึ้น (Momentum Play) ผ่านกองทุน iShares Edge MSCI Europe Momentum Factor UCITS ETF ในสัดส่วนประมาณ 40% เพื่อให้ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับพอร์ตให้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนผ่านนโยบายการเงิน จากแบบผ่อนคลาย (Loosening Policy) ไปสู่แบบตึงตัว (Tightening Policy) หุ้นทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวมีโอกาสให้ผลตอบแทนสอดคล้องกับจังหวะตลาดได้

นอกจากนี้เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน และมองว่าหุ้นกลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วน (Automobiles & Parts) ในยุโรป มีระดับราคาที่ค่อนข้างต่ำ ระดับ PE เพียงประมาณ 5.59 ซึ่งมีการเติบโตที่สูงจากการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีไปใช้พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicles) ในอนาคต จึงเลือกลงทุนผ่าน กองทุน iSharesSTOXX Europe 600 Automobiles & Parts UCITS ETF  ในสัดส่วนประมาณ 30%  (ที่มา : We Asset Management as of  7 Jan 2022)

อย่างไรก็ตามอัตราส่วนดังกล่าวบริษัทจัดการจะใช้ดุลพินิจในการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินที่ลงทุนหรือสัดส่วนการลงทุนได้ต่อเมี่อเป็นการดำเนินการภายใต้สถานการณ์ที่จำเป็นและสมควรเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ โดยไม่ทำให้ความเสี่ยงของทรัพย์สินที่ลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้

ตัวอย่างบริษัทที่ลงทุนเช่น

MBG Mercedes-Benz Group AG : ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายรถยนต์ รถบรรทุก และรถตู้ ภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองชตุทท์การ์ท ประเทศเยอรมนี

STLA Stellantis NV Common Shares : บริษัทรถยนต์ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตรถยนต์และให้บริการด้านต่างๆ เช่น การเคลื่อนย้าย ออกแบบ วิศวกร ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์ เช่น Fiat, Jeep, Opel, Peugeot, Vauxhall และ Ram บริษัทมีสำนักงานใหญ่ในเมือง Lijnden ประเทศเนเธอร์แลนด์

BATS British American Tobacco PLC: จัดทำผลิตภัณฑ์ยาสูบและนิโคตินให้กับผู้บริโภคทั่วโลก

MC LVMH Moet Hennessy Louis Vuitton SE LVMH : ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น แชมเปญ ไวน์ ผลิตภัณฑ์แฟชั่นและเครื่องหนัง เช่น Fendi, Givenchy, Kenzo, Louis Vuitton, Marc Jacobs เป็นต้น

NOVO B Novo Nordisk A/S Class B : บริษัทด้านการดูแลสุขภาพ มีส่วนร่วมในการวิจัย พัฒนา การผลิต และการตลาดของผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมทั่วโลก

“บริษัทจดทะเบียนในยุโรปมีแนวโน้มที่ผลกำไรจะเติบโตอย่างน่าสนใจ และด้วยการระบาดของโควิด-19 ที่จบลงไปแล้วในหลายประเทศ ถึงแม้ว่าอาจจะมีความกังวลเรื่องความไม่สงบเรื่องรัสเซียกับยูเครน แต่มองว่าเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นเมื่อมีการย่อตัวลง บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด จึงอยากแนะนำโอกาสสำหรับสร้างผลแทนที่ดีในระยะสั้นจากตลาดหุ้นยุโรป ผ่าน “กองทุนเปิด วี ยุโรป 8M (WE-EUROPE8M)” ที่มีปัจจัยสนับสนุนและด้วยกลยุทธ์ลงทุนที่โดดเด่น” นายอิศรา กล่าว

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมพร้อมรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด หรือ บลจ.วี โทรศัพท์ 02-351-1800 กด 2 รวมถึงตัวแทนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด ได้แก่ บริษัท หลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน),

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนเอเชีย เวลท์ จำกัด, บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเทศไทย จำกัด มหาชน, บริษัท หลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน โรโบเวลธ์ จำกัด,

บริษัท หลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เวลท์ รีพับบลิค จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนเว็ลธ์ เมจิก จำกัด, บริษัท หลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน แอสเซนด์ เวลธ์ จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน)

1.ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

2.การกำหนดเป้าหมาย 10.63 บาทต่อหน่วยไม่ใช่การรับประกันผลตอบแทน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนนี้ในช่วงเวลา 8 เดือนแรกได้ การกำหนดมูลค่าหน่วยลงทุนที่เป็นเป้าหมายเป็นเพียงเหตุให้มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนเป็นไปตามเป้าหมายเท่านั้น และไม่ใช่เป็นการประมาณการหรือรับประกันว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนตามมูลค่าที่กำหนดเมื่อมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ

ทั้งนี้ หากภาวะตลาดหรือภาวะการลงทุนเปลี่ยนแปลงไปจากการคาดการณ์ กองทุนรวมอาจไม่ดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติก็ได้ ซึ่งหากกรณีที่ไม่เกิดเหตุตามเงื่อนไขการเลิกกองทุน ภายใน 8 เดือนนับจากวันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม บริษัทจัดการจะเปิดขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอีกครั้งในวันทำการแรกถัดจากวันครบกำหนดระยะเวลา 8 เดือน นับแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม

3.จำนวนเงินที่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับจากการเลิกกองทุนเมื่อเกิดเหตุการณ์ตามเงื่อนไขในการเลิกกองทุนดังกล่าว เมื่อคำนวณเป็นราคารับซื้อคืนหน่วยลงทุนอาจมีมูลค่าต่ำกว่า 10.60 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นมูลค่าหน่วยลงทุนที่กำหนดเป็นเงื่อนไขในการเลิกกองทุน เนื่องจากการหักค่าใช้จ่าย การกันสำรองค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องของกองทุน (ถ้ามี) อัตราแลกเปลี่ยน และ/หรือการปรับตัวขึ้นลงของราคาหรือผลตอบแทนของหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่กองทุนลงทุนในระหว่างที่กองทุนดำเนินการจำหน่ายหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินดังกล่าว

4.เนื่องจากกองทุนนี้มีการลงทุนในต่างประเทศและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน โดยป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

Back to top button