“บล.บัวหลวง” กางแผนปี 65 ชู “นวัตกรรมผลิตภัณฑ์-บริการเด่น” ดันรายได้โตต่อเนื่อง
บล.บัวหลวง กางแผนปี 65 โตต่อเนื่อง ชูจุดเด่นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ ใช้เทคโนโลยีเข้าถึงบริการและความรู้ได้รวดเร็ว พร้อมเร่งเพิ่มความตระหนักการยืนยันตัวตน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภัยหลอกลวงออนไลน์นักลงทุน
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS เปิดเผยว่า ปี 2564 บริษัทฯ มีผลประกอบการเติบโตอย่างโดดเด่น 71% จากปีก่อนหน้า โดยมีรายได้รวม 5,680.71 ล้านบาท กำไร 2,112.33 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาดการซื้อขายหลักทรัพย์ ร้อยละ 5.42 ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด (รวม SET+mai) 2,221,547 ล้านบาท อยู่ในลำดับที่ 4 ของบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหมด 38 บริษัท มีส่วนแบ่งการตลาดการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ร้อยละ 4.77 อยู่ในลำดับที่ 6 ของบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหมด 40 บริษัท และอยู่ในลำดับ 3 ของผู้เสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) โดยหลักทรัพย์บัวหลวงมีการเสนอขาย DW ตลอดปี 2564 ทั้งหมด 866 ตัว
โดยในปี 2565 บริษัทวางเป้าหมายเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมต่อเนื่อง ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ และการอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน เพื่อตอบรับแนวโน้มการเติบโตที่ยังมีสัญญาณบวกจากบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ที่เพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบปีก่อนหน้า โดยมีบัญชีใหม่รวมทั้งอุตสาหกรรมในปี 2564 กว่า 1.7 ล้านบัญชี แม้เผชิญภาวะความผันผวนของราคาหุ้นจากสถานการณ์เศรษฐกิจและสถานการณ์โลกในช่วงที่ผ่านมา
สำหรับบริษัทมุ่งเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ช่วยให้ลูกค้าลงทุนได้ง่ายขึ้นด้วยต้นทุนที่ถูกลง โดยปีนี้ได้ต่อยอดความสำเร็จจากการเป็นเจ้าแรกของไทย ในการเสนอขายตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือ Depositary Receipt (DR) ปลดล็อคข้อจำกัดนักลงทุนไทยที่สนใจเข้าไปลงทุนหุ้นตลาดต่างประเทศ โดยลงทุนได้ง่ายผ่านการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งนักลงทุนสามารถซื้อขายได้เสมือนหุ้นไทยแบบ Real-Time โดยออก DR ตัวที่สอง “DIAMOND” ที่ได้เปิดการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ส่งผลให้นักลงทุนไทยสามารถเข้าไปลงทุนหุ้นชั้นนำของเวียดนามผ่านตลาดหลักทรัพย์ไทย และอยู่ระหว่างการเฟ้นหาตราสารอ้างอิงอื่นๆ เพื่อเสนอขาย DR ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน
นอกจากนี้บริษัทยังเน้นพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน โดยในปีนี้ นักลงทุนสามารถเปิดบัญชีซื้อขายกองทุนรวมแบบ Omnibus ที่สามารถทำให้นักลงทุนมีความสะดวกในการซื้อขายกองทุนได้ครบจาก 17 บลจ. ชั้นนำ และมีกองทุนให้เลือกลงทุนกว่า 100 กอง ผ่านแอปพลิเคชั่น Streaming Fund Plus ส่วนปีที่ผ่านมา มีการเปิดช่องทางให้ลูกค้าเปิดบัญชีซื้อขายผ่านแอปพลิเคชั่น mBanking ของธนาคารกรุงเทพทั้ง iOS และ Android ได้สะดวกขึ้น ง่าย และรวดเร็ว อนุมัติทันใจภายใน 15 นาที
รวมทั้งในปีนี้บริษัทอยากเน้นการสร้างความตระหนักให้กับนักลงทุน นั่นคือ ขอให้ทุกคนให้ความสำคัญกับการยืนยันตัวตน โดยบริษัทเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในการใช้บริการยืนยันตัวตน เพื่อเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ได้แล้วที่ 7-Eleven ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส เพียงใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียว ซึ่งการยืนยันตัวตนนี้ จะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้ลูกค้าปลอดภัยมากขึ้นจากภัยการหลอกลวงทางออนไลน์ เราไม่อยากให้ลูกค้ามองว่าเป็นภาระ จึงสร้างช่องทางให้ลูกค้าได้ไปดำเนินการอย่างสะดวกที่สุด
อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ที่หลักทรัพย์บัวหลวงให้ความสำคัญมาตลอดคือ การให้ความรู้นักลงทุน โดยการจัดโครงการ The Stock Master ต่อเนื่องมาถึงปีที่ 10 แล้ว ในปีที่ผ่านมาได้สอนผ่านห้องเรียนออนไลน์ในสไตล์ Invest from Home เรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน พร้อมมีช่องทางโซเชียลบนยูทูบ เฟซบุ๊ก เป็นช่องทางให้นักลงทุนได้เข้ามาหาข้อมูลและเรียนรู้อย่างสะดวกสบาย อยู่ที่ไหนก็เรียนรู้ได้ ทำให้นักลงทุนมือใหม่สามารถวางแผนและวางเป้าหมายการลงทุนด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้และมีประสิทธิภาพ
โดยบริษัทพัฒนาหลักสูตรอบรมและช่องทางต่างๆ ให้ลูกค้าเข้าถึงโดยง่ายทั้งบทวิเคราะห์ และการเข้าถึงความรู้ใหม่ ด้านการลงทุน เพื่อหาแนวทางการลงทุนที่เหมาะกับตัวเอง ในส่วนของธุรกิจวาณิชธนกิจ บริษัทยังมีงานที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุน
“บริษัทเชื่อว่าในปี 2565 สภาวะตลาดจะยังคงมีความผันผวนและมีสถานการณ์ที่ท้าทายอีกมากมาย โดยหลักทรัพย์บัวหลวง จะมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และเครื่องมือทางการเงิน เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถวางแผนกระจายความเสี่ยง และมีผลการลงทุนที่ดี ตามแนวคิดที่เราจะเป็น Your Trusted Investment Partner” นายพิเชษฐ กล่าว