“บัวหลวง” ส่งกองทุน “CN01-CNTECH01” เพิ่มโอกาสลุยตลาดจีน-ฮ่องกง เปิดขาย 18-19 ก.ค.นี้
“บัวหลวง” ส่ง 2 DR ใหม่ “CN01-CNTECH01” เพื่อเปิดโอกาสให้ได้ลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ของจีน และหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำของจีนและฮ่องกง ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วยสกุลเงินบาท เปิดขายไอพีโอ 18-19 ก.ค.นี้
นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการอาวุโส กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จอย่างดีจากการออกตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) ตราสารที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นหรือ ETF ในต่างประเทศได้ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ปัจจุบันบริษัทเสนอขายไปแล้ว 4 หลักทรัพย์ คือ E1VFVN3001, FUEVFVND01, NDX01 และ STAR5001 ซึ่งทุกหลักทรัพย์ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี สะท้อนผ่านมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ E1VFVN3001 ที่เป็น DR ตัวแรกของตลาดหุ้นไทยที่มีมูลค่า 5,800 ล้านบาท เติบโตจากช่วง IPO ปลายปี 2561 ที่มีมูลค่า 600 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทจึงต่อยอดความสำเร็จ ด้วยการเปิดตัว 2 DR น้องใหม่ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนได้ลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ของจีน และหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำของจีนและฮ่องกงที่มีแนวโน้มขยายตัวไปพร้อมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว ประกอบด้วย 1.DR “CN01” อ้างอิง ChinaAMC CSI 300 Index ETF (3188.HK) ที่ลงทุนในหุ้นจีน A-Shares ขนาดใหญ่ 300 ตัวเรียงตามมูลค่าตลาดที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น โดยจะเน้นลงทุนแบบกระจายตัวในหลากหลายอุตสาหกรรมทั้งกลุ่ม Old Economy และ New Economy เช่น หุ้น Kweichow Moutai ผู้ผลิตจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ใหญ่สุดของจีน, หุ้น CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ EV และ BYD ผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดขายรถ EV มากที่สุดของโลกในไตรมาส 2 แซงหน้า Tesla เป็นต้น
สำหรับ DR “CN01” เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนเติบโตไปกับเศรษฐกิจจีนที่มีมูลค่า GDP ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา สะท้อนจากตัวเลข GDP ในช่วงปี 2554-2564 ที่เติบโตเฉลี่ยราว 7% ต่อปี และมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของโลกในอนาคต
2.DR “CNTECH01” อ้างอิง ChinaAMC Hang Seng TECH ETF (3088.HK) ที่ลงทุนหุ้นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกของจีนและฮ่องกงกว่า 30 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงที่ขึ้นชื่อว่า เป็นศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย โดยหุ้นในดัชนี Hang Seng TECH ส่วนใหญ่เป็นหุ้นเทคโนโลยีที่เติบโตไปกับธีม New Economy ซึ่งเป็นที่รู้จักในระดับสากล เช่น Alibaba (9988.HK) เจ้าของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและธุรกิจคลาวด์อันดับ 1 ของจีน, Tencent (700.HK) บริษัทเทคโนโลยีของจีน ผู้พัฒนาเกมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกในแง่รายได้ และครอบครอง WeChat แอปพลิเคชันส่งข้อความที่คนจีนใช้มากที่สุด และ Xiaomi (1810.HK) บริษัทสัญชาติจีน หนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อัจฉริยะ (IoT) ที่มีราคาเข้าถึงได้
โดยหุ้นในดัชนี Hang Seng TECH ส่วนใหญ่เป็นบริษัทจีนที่มาจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ทำให้สัดส่วนกว่า 85% ของบริษัทที่อยู่ในดัชนีมีรายได้มาจากจีนเป็นหลัก ทำให้สามารถวิเคราะห์และติดตามความเป็นไปของเศรษฐกิจจีนโดยรวมได้
“หลังเสนอขาย DR 2 ตัวใหม่ บริษัทจะมี DR ที่ลงทุนในหุ้นจีน 3 หลักทรัพย์ ซึ่งมีธีมการลงทุนที่แตกต่างกันชัดเจน เช่น CN01 มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น ChinaAMC CSI 300 ETF กระจายลงทุนในหุ้น A-share ขนาดใหญ่ เกาะการเติบโตของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนโดยรวม, CNTECH01 มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น ChinaAMC Hang Seng TECH ETF เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของตลาดหุ้นฮ่องกง ส่วน STAR5001 มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น Premia China STAR50 ETF เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีและนวัตกรรม A-share ที่มีขนาดกลางและเล็ก ซึ่งจะเห็นได้ว่า DR ทั้ง 3 หลักทรัพย์สามารถเลือกลงทุนได้ในมุมที่แตกต่างกัน” นายบรรณรงค์ กล่าว
สำหรับ DR “CN01” และ DR “CNTECH01” จะเปิดให้ลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวงจองซื้อ IPO ผ่าน www.bualuang.co.th ตั้งแต่วันที่ 18-19 กรกฎาคม 2565 เวลา 8.30-16.00 น. ซึ่งผู้จองซื้อจะต้องชำระเงินค่าจองซื้อตามจำนวนเงินที่ต้องการลงทุน โดยจะได้รับการจัดสรรจำนวนหน่วย DR ตามราคาเฉลี่ยของราคาหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ผู้ออกตราสารซื้อได้ รวมค่าธรรมเนียมในการซื้อหลักทรัพย์ต่างประเทศ ปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยน (Final Price) ผ่านเว็บไซต์หลักทรัพย์บัวหลวงให้ทราบหลังจากนั้น (ราคาโดยประมาณของ DR “CN01” และ DR “CNTECH01” ณ วันที่ 7 กรกฎาคม 2565 คิดเป็นเงินบาทจะอยู่ที่ราว 24.71 บาทต่อหน่วย โดยอัตรา 1 หลักทรัพย์อ้างอิงต่อ 10 DR และราว 28.30 บาทต่อหน่วย โดยอัตรา 1 หลักทรัพย์อ้างอิงต่อ 1 DR ตามลำดับ)
ส่วนผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อสามารถเปิดบัญชีซื้อขายได้ที่เว็บไซต์หลักทรัพย์บัวหลวง โดยสามารถศึกษารายละเอียด DR 2 ตัวใหม่ล่าสุด เพิ่มเติมได้ที่ www.bualuang.co.th/dr หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม BLS Customer Service โทร. 0-2618-1111
ด้านนายรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส หลักทรัพย์บัวหลวง กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงเริ่มฟื้นตัวจากปลายเดือนเมษายน 2565 ที่ผ่านมา เพราะเศรษฐกิจจีนเพิ่งผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปในช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 และคาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวจากการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายสวนทางกับธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังต่ำระดับ 2-3% เมื่อเทียบประเทศสหรัฐอเมริกาและไทยที่อยู่ระดับ 8% และ 7% ตามลำดับ
นอกจากนี้การจัดระเบียบหุ้นเทคโนโลยีของทางการจีนเริ่มมีสัญญาณที่ดี หลังจากที่เมื่อเดือนมีนาคม “หลิว เหอ” รองนายกรัฐมนตรีจีน ประกาศว่า จะดำเนินการจัดระเบียบให้มีความโปร่งใสมากขึ้น พร้อมสร้างเสถียรภาพหุ้นจีนในระยะกลาง หนุนให้หุ้นจีนปรับตัวขึ้น ขณะที่ Ant Group บริษัทด้านการเงินยักษ์ใหญ่ของจีนก่อตั้งโดย “แจ๊ค หม่า” มหาเศรษฐีชาวจีนที่เป็นจุดเริ่มต้นของการออกมาจัดระเบียบหุ้นเทคโนโลยีได้ยื่นเอกสารถึงทางการจีนเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า กำลังจะผันตัวเองไปสู่การเป็นบริษัทโฮลดิ้งทางการเงินและเตรียมเสนอขายหุ้น IPO ซึ่งหากทำได้จะเป็น Sentiment ที่ดี หนุนตลาดหุ้นจีนและหุ้นเทคโนโลยีของจีน
“ปัจจุบันดัชนี CSI 300 มี Forward P/E ปี 2565 อยู่ที่ราว 14 เท่า โดยหากเทียบกับดัชนี S&P 500 ที่เป็นตัวแทนหุ้นขนาดใหญ่ของฝั่งสหรัฐฯ พบว่า อยู่ที่ราว 17 เท่า แต่อัตราการเติบโตกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ในปี 2565 ของ CSI 300 อยู่ที่ราว 17% ส่วน S&P 500 อยู่ที่ราว 18% ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกัน ทำให้หากคิดเป็น PEG ดัชนี CSI 300 จะดูน่าสนใจกว่า ในขณะที่ดัชนี Hang Seng TECH มี Forward P/E ปี 2565 ที่ราว 32 เท่า และมี EPS Growth ราว 45% ซึ่งหากคิดเป็น PEG จะอยู่ที่เพียง 0.7 เท่า ถูกกว่าดัชนี NASDAQ ของสหรัฐฯ เช่นกัน ทั้งนี้ถึงแม้ว่า การลงทุนในหุ้นจีนอาจจะมี ความเสี่ยงด้านนโยบายภาครัฐ แต่มูลค่าของตลาดหุ้นจีนถือว่าปรับลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจแล้ว” นายรัฐศรัณย์ กล่าว