SCBAM ปันผล 2 กองทุน “SCBS&P500-SCBBLN” รับทรัพย์ 23 มิ.ย.นี้
“บลจ.ไทยพาณิชย์” ประกาศจ่ายปันผล 2 กองทุนเด่น SCBS&P500 และ SCBBLN มูลค่ากว่า 64 ล้านบาท นักลงทุนเตรียมรับทรัพย์ 23 มิ.ย. นี้
นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัดหรือ SCBAM เปิดเผยว่า จากเศรษฐกิจโลกที่กลับมาขยายตัวตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้ภาพรวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังสามารถเติบโตได้ดีในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งโดยหลักแล้วมาจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ทำให้ตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 1 ของบริษัทฯจดทะเบียนในหลายอุตสาหกรรมออกมาดีกว่าที่คาด ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง แม้จะยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยลบภายนอก แต่เป็นความผันผวนที่เกิดขึ้นแบบระยะสั้น
อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวครั้งนี้ได้ส่งผลให้กองทุนที่ลงทุนในตลาดทุนสหรัฐฯ มีกำไรจากผลการดำเนินงาน คณะกรรมการการลงทุนของบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส (SCBS&P500) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์บิลเลียนแนร์ (SCBBLN) คิดเป็นมูลค่าเงินปันผลรวมกว่า 64 ล้านบาท
สำหรับ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ 500 บริษัทแรกของสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนกองทุนให้ได้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ ผ่านกองทุนหลัก iShares Core S&P 500 ETF โดยการจ่ายปันผลในครั้งนี้ เป็นการจ่ายปันผลสำหรับรอบผลการดำเนินงาน 6 เดือน ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2565 – วันที่ 31 พฤษภาคม 2566
โดยแบ่งตามชนิดหน่วยลงทุนของกองทุน คือ 1) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส (ชนิดจ่ายปันผล) (SCBS&P500) จ่ายปันผลครั้งที่ 20 (นับแต่วันจัดตั้งกองทุน; 18 ธันวาคม 2555) ในอัตราเงินปันผลที่ 0.1400 บาทต่อหน่วย (กองทุนได้รับ 4 ดาว มอร์นิ่งสตาร์ ประเภท Thailand Fund US Equity , ณ 31 พ.ค. 2566)
2) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส (ชนิดเพื่อการออม) (SCBS&P500-SSF) จ่ายปันผลครั้งที่ 3 (นับแต่วันเริ่มต้นกองทุน; 1 กรกฎาคม 2563) ในอัตราเงินปันผลที่ 0.1100 บาทต่อหน่วย และ (3) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส (ชนิดเพื่อการออมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์) (SCBS&P500(SSFE)) จ่ายปันผลครั้งที่ 2 (นับแต่วันเริ่มต้นกองทุน; 10 มิถุนายน 2565) ในอัตราเงินปันผลที่ 0.2700 บาทต่อหน่วย สำหรับ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์บิลเลียนแนร์ (SCBBLN) เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ ที่เป็นหลักทรัพย์ตามพอร์ตนักลงทุนระดับมหาเศรษฐีแนวหน้าที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุน
ทั้งนี้ กองทุนมีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี Solactive US Top Billionaire Investors โดยการจ่ายปันผลในครั้งนี้ เป็นการจ่ายปันผลสำหรับรอบผลการดำเนินงาน 1 ปี ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2565 – วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 และเป็นจ่ายปันผลครั้งที่ 13 (นับแต่วันจัดตั้งกองทุน; 24 กรกฎาคม 2558) ในอัตราเงินปันผลที่ 0.3700 บาทต่อหน่วย ซึ่งกองทุนทั้งหมดได้มีการแจ้งปิดพักสมุดทะเบียนเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน 2566 นี้
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดสหรัฐฯ ยังมีโอกาสเห็นภาพปรับตัวขึ้นที่กระจายหลากหลายอุตสาหกรรมที่ไม่ได้กระจุกเพียงเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่เท่านั้น อีกทั้ง ตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ (CPI) และตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจแสดงให้เห็นได้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ขยายตัว ทำให้คณะกรรมการของ FED เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีมติตัดสินใจคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมคือ 5.00-5.25% ซึ่งทำให้บริษัทฯ มองว่าจากปัจจัยดังกล่าว จะเป็นแรงหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอยู่ในโมเมนตัมที่ดี อยู่ในจุดที่น่าสนใจสำหรับการเข้าลงทุน และสร้างโอการรับผลตอบแทนจากเงินปันผลของกองทุนได้