SCB CIO แนะลงทุนตราสารหนี้ รับ “เฟด” ตรึงดอกเบี้ยสูงรอบ 22 ปี
SCB CIO คาด “เฟด” คงอัตราดอกเบี้ย 5.25 - 5.50% สูงสุดรอบ 22 ปี ถึงไตรมาส 3/67 เป็นโอกาสเข้าลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว แนะ 3 กองทุนเด่น KT-ARB, MUBOND-A และ SCBGSIF ลุ้นรับผลตอบแทนสูง
นายศรชัย สุเนต์ตา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย Investment Office and Product Function กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน FOMC ธนาคารกลางสหรัฐฯ Fed เปิดเผยผลการประชุมครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 31 ต.ค. – 1 พ.ย.66 โดยคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ซึ่งสูงสุดในรอบ 22 ปี ขณะที่การประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ จะมีขึ้นในวันที่ 12-13 ธ.ค. 66 ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ SCB CIO คาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ Fed จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจาก Fed ยอมรับว่าความเสี่ยงที่เศรษฐกิจชะลอตัวเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น เมื่อเทียบกับความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ประกอบกับภาคการเงินมีความตึงตัวมากขึ้น เพียงแต่ยังไม่ได้อยู่ในระดับที่น่ากังวลอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่การคงอัตราดอกเบี้ยสูงระดับนี้ น่าจะยาวนานไปจนถึงไตรมาสที่ 3/67 ทำให้ได้มองว่าจังหวะนี้เป็นโอกาสทองสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว
“โดยมองว่า แนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง แต่มีโอกาสปรับลดลงในปีหน้า จะทำให้การลงทุนในตราสารหนี้มีความน่าสนใจขึ้นมาก โดยเฉพาะตราสารหนี้ระยะยาวที่อัตราผลตอบแทนดอกเบี้ยรับ (yield) ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น และราคาได้ปรับลดลงรับข่าวความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในช่วงก่อนหน้า และต่อไป yield ควรจะทยอยปรับตัวลดลงได้ ใน 9-12 เดือนข้างหน้า ตามแรงการคาดการณ์ว่า Fed จะหยุดขึ้นดอกเบี้ย ในขณะที่วงจรดอกเบี้ยขาขึ้นได้จบลง ดังนั้น จึงมองเป็นโอกาสเข้าลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวที่คาดหวังได้ทั้งผลตอบแทนจาก yield และกำไรจากราคาที่ปรับขึ้นได้ (capital gain) เมื่อดอกเบี้ยเริ่มปรับลดลงในอนาคต” นายศรชัย กล่าว
นอกจากนี้ หากนักลงทุนรับความผันผวนของราคาตราสารหนี้ได้ต่ำ อาจจะพิจารณาเลือกลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อคาดหวังกระแสเงินสดรับ เพียงแต่ในอนาคตเมื่อตราสารหนี้ครบกำหนด และนำเงินไปลงทุนต่อในตราสารหนี้ระยะสั้นตัวใหม่ ก็อาจจะได้รับผลตอบแทนที่ลดลง
สำหรับ นักลงทุนที่สนใจลงทุนในตราสารหนี้ SCB CIO ได้คัดสรรกองทุนตราสารหนี้ จำนวน 3 กองทุน แบบ Open Architecture ที่เหมาะสำหรับการลงทุนในช่วงเวลานี้ ได้แก่ 1) กองทุนเปิดเคแทม Absolute Return Bond หรือ KT-ARB ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ได้
โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ที่ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนตามภาวะตลาด เพื่อเป้าหมายสร้างผลตอบแทนเป็นบวกภายใน 1 ปี
2) กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ยูเอส แอกกริเกท บอนด์ ฟันด์ ชนิดสะสมมูลค่า หรือ MUBOND-A สำหรับนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนจากพันธบัตรและหุ้นกู้สหรัฐฯ ที่มีคุณภาพสูง อยู่ในระดับลงทุนได้ (Investment Grade) และ3) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล สตราทีจิก อินเวสเมนท์ ชนิดสะสมมูลค่า หรือ SCBGSIF สำหรับนักลงทุนที่คาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนระดับสูงผ่านการลงทุนในหุ้นกู้ทั่วโลก และรับความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ High Yield ได้