SCBAM แจกปันผล 0.2222 บาท ชูพื้นฐานกองทุนเด่น-ผลตอบแทนสม่ำเสมอ

SCBAM เคาะจ่ายปันผล-คืนทุน 2Q67 กลุ่มกองทุนอสังหาฯ-อินฟราฯ ย้ำมองกองทุนปัจจัยพื้นฐานดี แนะลงทุนสะสม เสริมโอกาสรับผลประโยชน์ตอบแทนสม่ำเสมอระยะยาว


นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM เปิดเผยว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยค่อนข้างซบเซา ซึ่งเป็นผลมาจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาดหุ้นไทย

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางสภาวะของตลาดทุนไทยที่เต็มไปด้วยความท้าทาย กลุ่มกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ SCBAM ยังสามารถสร้างผลงานได้ดี ซึ่งเป็นผลมาจากสินทรัพย์ของกองทุนภายใต้การบริหารมีความแข็งแกร่งด้านปัจจัยพื้นฐาน มีผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้กองทุนสามารถจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยมาได้อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดคณะกรรมการพิจารณาการลงทุนมีมติเห็นชอบการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน สำหรับงวดผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 รอบผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เม.ย. 67 – 30 มิ.ย. 67 แบ่งเป็น 2 กลุ่มกองทุน ประกอบด้วย กองทุนประเภทโครงสร้างพื้นฐาน 1 กองทุน คือ “กองทุน DIF” (กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล) และกองทุนประเภทอาคารสำนักงานให้เช่า 3 กองทุน คือ “กองทุน CPNCG” (กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท) “กองทุน POPF” (กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ไพร์มออฟฟิศ) และสุดท้าย “กองทุน SIRIP” (กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ แสนสิริ ไพร์มออฟฟิศ)

โดยทั้ง 4 กองทุนมีกำหนดปิดสมุด (XD) วันที่ 15 ส.ค.67 และมีกำหนดจ่ายปันผลสำหรับกองทุน DIF ในวันที่ 5 ก.ย.67 67 และกำหนดจ่ายปันผลสำหรับกองทุน POPF กองทุน SIRIP และจ่ายปันผล-คืนทุนสำหรับกองทุน CPNCG ในวันที่ 2 ก.ย.67 นี้

สำหรับ “กองทุน DIF” กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่มีรายได้จากการให้เช่าทรัพย์สินเสาโทรคมนาคม โดยกองทุนมีปัจจัยพื้นฐานดีและมีความผันผวนต่ำ มีรายได้หลักที่มั่นคงจากสัญญาเช่าระยะยาวของผู้เช่าหลักคือ กลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชัน (TRUE) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ให้บริการด้านโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทำให้กองทุนมีโอกาสสร้างการเติบโตของรายได้จากบทบาทการใช้เครือข่ายสัญญาณอินเตอร์เน็ตและบริการดิจิทัลของภาคอุตสาหกรรมและผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้นได้

อีกทั้ง ทรัพย์สินกองทุนมี Capacity สามารถรองรับการขยายตัวของธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีการสื่อสาร 5G ได้ดี สำหรับรอบผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 กองทุนมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.2222 บาท/หน่วย เป็นการจ่ายปันผลครั้งที่ 2 ในรอบปี 67 และเป็นการจ่ายปันผลครั้งที่ 42 นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน

นอกจากนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารสำนักงานให้เช่าอีก 3 กองทุน เป็นกองทุนที่ล้วนมีทรัพย์สินตั้งอยู่ในย่านธุรกิจและใจกลางเมือง กองทุนแรก คือ “กองทุน CPNCG” ที่มีรายได้จากการลงทุนในสิทธิการเช่าของอาคารสำนักงานเกรดเอ ในบริเวณศูนย์การค้าของ Central Pattana ย่านเขตปทุมวัน เป็นหนึ่งในพื้นที่ทำเลดีและมีการคมนาคมที่สะดวก ทำให้ทรัพย์สินกองทุนมีอัตราการเช่าพื้นที่ถึงร้อยละ 96 (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย.67)

สำหรับรอบผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 กองทุนมีกำหนดจ่ายประโยชน์ตอบแทนรวม 0.2661 บาท/หน่วย(*) ซึ่งเป็นอัตราการจ่ายที่เท่ากันกับไตรมาส 1/67 โดยเป็นการจ่ายในรูปแบบเงินปันผลในอัตรา 0.2467 บาท/หน่วย และมีกำหนดจ่ายเงินคืนทุนให้กับผู้ถือหน่วยในอัตรา 0.0194 บาท/หน่วย หรือจำนวนเงิน 8,276,796.60 บาท จากการปรับประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่ลดลงตามระยะเวลาสิทธิการเช่าที่คงเหลือประมาณ 8.50 ปี ซึ่งเป็นรายการที่ทางบัญชีไม่ได้มีกระแสเงินสดจ่ายออกไปจริง สำหรับการจ่ายผลเป็นการจ่ายปันผลครั้งที่ 46 นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน

ลำดับถัดมา คือ “กองทุน POPF” ที่มีรายได้จากการลงทุนในสิทธิการเช่าของอาคารสำนักงาน 3 แห่ง คืออาคารสมัชชาวานิช 2, อาคารเพลินจิต เซ็นเตอร์ และอาคารบางนา ทาวเวอร์ โดยทั้ง 3 อาคารตั้งอยู่บนพื้นที่ย่านธุรกิจหลัก มีความต้องการเช่าสูง

อีกทั้งกองทุนมีการดูแลรักษาอาคาร รวมถึงปรับปรุงให้ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการอย่างสม่ำเสมอ  ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา กองทุนมีการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง และสำหรับรอบผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 นี้ กองทุนมีกำหนดจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนรูปแบบเงินปันผลในอัตรา 0.2900 บาท/หน่วย (*) ซึ่งเป็นอัตราการจ่ายที่เท่ากับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นจากปี 66 และเป็นการจ่ายปันผลครั้งที่ 53 นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน

สำหรับกองทุนอสังหาฯ ประเภทอาคารสำนักงานให้เช่าลำดับสุดท้าย คือ “กองทุน SIRIP” ที่มีรายได้จากการลงทุนในกรรมสิทธิของโครงการอาคารสิริภิญโญ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนศรีอยุธยา ย่านธุรกิจที่กำลังเติบโตจากการขยายตัวอย่างมากของพื้นที่เมืองชั้นใน ส่งผลให้กองทุน SIRIP มีอัตราการเช่าเพิ่มขึ้นสูงตั้งแต่ปี 66 เป็นต้นมา สำหรับรอบผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 กองทุนมีกำหนดจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนรูปแบบเงินปันผลในอัตรา 0.1000 บาท/หน่วย (*) ซึ่งเป็นอัตราการจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/67 และเป็นการจ่ายปันผลครั้งที่ 40 นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับตลาดทุนไทย การลงทุนกับสินทรัพย์ที่มีความแข็งแกร่งด้านปัจจัยพื้นฐานและมีผลการดำเนินงานที่มั่นคง ยังเป็นทางเลือกที่นักลงทุนยังสามารถหาโอกาสสร้างผลประโยชน์ตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาวได้ดี อย่างไรก็ดี ภาพรวมเศรษฐกิจไทยก็เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยได้รับแรงขับเคลื่อนหลักจากภาคการท่องเที่ยว ภาคบริการ และการลงทุนของภาคเอกชนที่ขยายตัว

ประกอบกับนโยบายส่งเสริมและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งจะช่วยหนุนให้ทรัพย์สินของกองทุนมีโอกาสสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้ ทำให้ปัจจุบันมูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนมีความน่าสนใจ เมื่อพิจารณาจากราคาปัจจุบันกับผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ จึงมองว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นักลงทุนสามารถใช้เป็นช่องทางสร้างโอกาสรับผลประโยชน์ตอบแทนที่สม่ำเสมอ (Passive Income) จากการลงทุนในจังหวะที่รอให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มที่ได้

Back to top button