“ยูโอบี” โชว์กำไร Q3 โต 11% แตะ 4.16 หมื่นล้าน “ออลไทม์ไฮ” รับดอกเบี้ย-ค่าฟีพุ่ง
ธนาคารยูโอบี เปิดผลกำไรไตรมาส 3/67 เติบโต 11% แตะ 4.16 หมื่นล้านบาท ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รับแรงหนุนจากค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการความมั่งคั่ง รายได้จากดอกเบี้ยรับสุทธิเพิ่มขึ้น
กลุ่มธนาคารยูโอบี เปิดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปี 66 อยู่ที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 4.16 หมื่นล้านบาท) ซึ่งทุบสถิติสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ จากรายได้ที่เติบโตในทุกส่วนธุรกิจและแฟรนไชส์ลูกค้าครอบคลุมธุรกิจลูกค้ารายใหญ่ (Wholesale) โกลบอล มาร์เก็ตส์ (Global markets) และธุรกิจลูกค้ารายย่อย (Retail businesses) ที่แข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้จากค่าธรรมเนียมสุทธิและรายได้จากการค้าและการลงทุนที่ทำสถิติสูงสุดใหม่
ทั้งนี้ รายได้จากค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปี 66 แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 630 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (หรือราว 16.3 หมื่นล้านบาท) ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการความมั่งคั่ง รายได้จากดอกเบี้ยรับสุทธิเพิ่มขึ้น 1% เทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 2.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท) จากการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งที่ 5% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยดีดตัวขึ้น 70% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อยู่ที่ 744 ล้านเหรียญสิงคโปร์ (1.92 หมื่นล้านบาท) โดยได้รับแรงสนับสนุนจากรายได้จากการค้าและการลงทุนที่สูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่รายได้จากการบริหารตลาดเงินที่เกี่ยวกับลูกค้าก็เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
โดยต้นทุนความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 3/67 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 34 จุด เนื่องจากพอร์ตโฟลิโอลูกค้ารายย่อยในประเทศไทยภายหลังการควบรวมกิจการซิตี้ในไตรมาสที่แล้ว ต้นทุนความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อสำหรับทั้งปีจะยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 25 ถึง 30 จุด คุณภาพสินทรัพย์ยังคงมีความยืดหยุ่น โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้คงที่อยู่ที่ร้อยละ 1.5 งบดุลของกลุ่มธนาคารยูโอบียังคงแข็งแกร่งด้วยสภาพคล่องที่เพียงพอ โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่หนึ่งที่เป็นส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้นเป็น 15.5%
ด้าน นายวี อี เชียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้ของกลุ่มธนาคารเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการเติบโตในทุกส่วนธุรกิจและตลาดหลักในภูมิภาคอาเซียน ธนาคารมีความพร้อมที่จะรักษาโมเมนตัมของการเติบโตของรายได้ ด้วยงบดุลที่แข็งแกร่งและแฟรนไชส์หลักที่มั่นคง
อย่างไรก็ดี สภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนในปัจจุบัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลับโดดเด่นในฐานะภูมิภาคที่มีศักยภาพ ซึ่งธนาคารเชื่อมั่นในศักยภาพในระยะยาวของอาเซียน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและการไหลเข้าของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจำนวนมาก พร้อมกับการปรับตัวของห่วงโซ่อุปทาน ความแข็งแกร่งด้านการเชื่อมโยงของธนาคารร่วมกับปัจจัยหนุนที่เหมาะสม ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งความสำเร็จจากการผนวกรวมพอร์ตโฟลิโอของซิตี้กรุ๊ปในมาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซีย ถือเป็นก้าวสำคัญ จากการผสานโอกาสในการขายข้ามผลิตภัณฑ์จากพอร์ตโฟลิโอที่ขยายตัวนี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ และยูโอบีมุ่งมั่นที่จะยกระดับขีดความสามารถในตลาดสำคัญๆ ในระดับอาเซียน ตลอดจนพร้อมที่จะคว้าโอกาสใหม่เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง