EXIM BANK พร้อมสนับสนุนการค้าอิหร่านสนองนโยบายรัฐบาลดันการค้าไทย-อิหร่าน
EXIM BANK พร้อมสนับสนุนการค้ากับอิหร่าน สนองนโยบายรัฐบาลดันการค้าไทย-อิหร่าน
นายมนัส แจ่มเวหา ประธานกรรมการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) แถลงข่าวแก่สื่อมวลชน ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2559 ว่า EXIM BANK พร้อมสนับสนุนทางการเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศเพื่อสนับสนุนการค้าไทย-อิหร่านตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งนับเป็นธนาคารแห่งแรกในไทยที่จะเปิดให้บริการดังกล่าวอย่างเป็นทางการและถูกต้องตามกฎหมาย
โดยภายหลังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations : UN) มีมติยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2559 ที่ผ่านมา และต่อมา EXIM BANK ได้ร่วมเดินทางไปกับคณะรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เยือนอิหร่านเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559 และรัฐบาลตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าไทย-อิหร่าน จากประมาณ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2558 เป็น 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายใน 5 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ EXIM BANK จึงได้ดำเนินการหารือกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อเปิดให้บริการทางการเงินในระบบธนาคารกับผู้ประกอบการไทยที่ค้าขายกับอิหร่านภายใต้กฎหมายไทยและคำแนะนำของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงินหรือแฟทเอฟ (Financial Action Task Force) โดยไม่เป็นการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย การฟอกเงิน และการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงซึ่งจะเป็นภัยร้ายแรงต่อมนุษยชาติ
โดย ประธานกรรมการ EXIM BANK เปิดเผยว่า นับเป็นบทบาทในเชิงรุกของ EXIM BANK ตามแนวนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมการบุกตลาดใหม่ โดยอิหร่านเป็นตลาดสำคัญในตะวันออกกลางที่มีกำลังซื้อและความต้องการสินค้าจากไทย โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหาร ได้แก่ ข้าว ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และยางพารา รวมทั้งเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องปรับอากาศ และเม็ดพลาสติก ซึ่งอิหร่านนำเข้าจากไทยมากเป็นลำดับต้นๆ นอกจากนี้ สินค้าไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวดีในตลาดอิหร่านยังได้แก่ ชิ้นส่วนยานยนต์ เนื่องจากอิหร่านเป็นตลาดยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง และอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ รองจากอุตสาหกรรมน้ำมัน ขณะที่สินค้าสำคัญที่ไทยนำเข้าจากอิหร่าน ได้แก่ เคมีภัณฑ์ สัตว์น้ำสดแช่เย็นแช่แข็ง แปรรูปและกึ่งแปรรูป พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เป็นต้น
ทั้งนี้ อิหร่านเป็นตลาดที่มีศักยภาพด้วยจำนวนประชากรกว่า 78 ล้านคน มากเป็นอันดับ 17 ของโลก รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ที่ 6,063 ดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อยู่ที่ 415,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นอันดับที่ 29 ของโลก การค้าไทย-อิหร่านในปี 2558 มีมูลค่า 309.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออก 217.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้า 92.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
“EXIM BANK จะพัฒนาธุรกิจและบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำหน้าที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่สามารถเติมเต็มช่องว่างทางการเงินในระบบได้มากขึ้น นำมาซึ่งรายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศของไทย และโอกาสขยายธุรกิจของภาคเอกชนไทยในตลาดโลกในระยะยาว” นายมนัสกล่าว