บลจ.ทาลิส เปิดกองทุนทาลิสเฟล็กซิเบิ้ลจับจองซื้อหน่วยลงทุนได้ในเดือนต.ค.นี้

บลจ.ทาลิสเปิดกองทุนทาลิสเฟล็กซิเบิ้ล จับจองซื้อหน่วยลงทุนได้ในเดือนต.ค.นี้


นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทาลิส จำกัด หรือ บลจ.ทาลิส เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เปิดตัวและประกอบธุรกิจบริหารจัดการกองทุนอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งในระยะแรกให้บริการเฉพาะกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงโดยมีนักลงทุนรายใหญ่ให้ความเชื่อถือและไว้วางใจให้ บลจ.ทาลิส บริหารเงินลงทุน ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 6 เดือนที่ผ่านมา

โดยบลจ.ทาลิส สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างเหมาะสม และสร้างความพึงพอใจให้แก่นักลงทุนรายใหญ่เป็นอย่างมาก ทำให้ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ในส่วนของ Private Fund อยู่ที่ระดับ 3,000 ล้านบาทแล้ว และในปีนี้ได้ปรับเพิ่มเป้าหมาย AUM ในส่วน ของ Private Fund ขยับไปสู่ระดับ 4,000 ล้านบาท

ตอนนี้นักลงทุนรายใหญ่ ติดต่อเข้ามาขอรับคำปรึกษาการด้านลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งที่เข้ามาด้วยตนเอง และที่ติดต่อให้ทีมบริหารไปพบนอกสถานที่ ซึ่งผลการบริหารและการสร้างผลตอบแทนที่ดี ทำให้ลูกค้าใหม่ในกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ มอบความไว้วางใจให้บลจ.ทาลิส ดูแลเงินลงทุนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราปรับเป้าหมายบริหารพอร์ต Private Fund ในปีนี้เพิ่มเป็น 4,000 ล้านบาท”

ทั้งนี้จากความสำเร็จในการบริหารกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ทำให้มีกระแสเรียกร้องจากนักลงทุนรายย่อยขอให้เปิดบริการในส่วนของกองทุนรวมด้วย และล่าสุด บลจ.ทาลิส ได้รับอนุญาตให้สามารถจัดตั้งกองทุนรวมจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะเปิดจำหน่ายกองทุนแรกได้ในช่วงตุลาคมนี้

โดย บลจ.ทาลิส เตรียมเปิดขายหน่วยลงทุน “กองทุนเปิดทาลิสเฟล็กซิเบิ้ล” โดยจะเปิดให้จองซื้อหน่วยลงทุนได้ในเดือนตุลาคม 2559 ผ่านทางบลจ.ทาลิส และตัวแทนจำหน่ายที่เป็นบุคคล สถาบันของบริษัท โดยกลยุทธ์การลงทุน กองทุนจะนำเงินลงทุนไปลงทุนในตราสารแห่งทุน ตราสารแห่งหนี้หรือเงินฝากธนาคาร หรือตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน โดยสัดส่วนการลงทุนดังกล่าว จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบริษัทจัดการตามความเหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ หากภาวะตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้น จะลงทุนส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดในหุ้นสามัญ

บลจ.ทาลิส ได้พัฒนาระบบรองรับการลงทุน ตลอดจนทีมบุคลากรในการปฏิบัติงานที่เต็มไปด้วยคุณภาพสูงสุด โดยขณะนี้ถือว่ามีความพร้อม 100% ที่จะให้บริการในส่วนของกองทุนรวม ซึ่งนอกจากประสบการณ์ของทีมบริหารในการสร้างผลตอบแทน และการประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศอย่างแม่นยำให้ทันสถานการณ์แล้ว ยังเน้นกลยุทธ์ในการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ”นายฉัตรพี กล่าว

ด้านนายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ. ทาลิส ได้ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2560 ว่ายังอยู่ในภาวะชะลอตัว คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 3% โดยเฉพาะเศรษฐกิจในสหภาพยุโรป และจีนที่มีแนวโน้มปรับตัวลง ขณะที่เศรษฐกิจไทยในปีหน้า มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้เล็กน้อย จากการลงทุนโครงการพื้นฐานของรัฐและจะมีการเลือกตั้งทั่วไป อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากไม่มีปัจจัยลบอื่นใดเข้ามาสอดแทรก มีโอกาสที่ปี 2560  เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 3.2-3.5% 

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปีในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,400 -1,500 จุด ถ้าไม่มีปัจจัยลบอื่นๆ มากระทบ โดยในเดือนพ.ย.จะเป็นช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ บวกกับการคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ย อีกทั้งในเดือนพ.ย.-ธ.ค. เป็นช่วงปลายปีที่ตามปกตินักลงทุนต่างชาติ และสถาบันจะพักร้อนและชะลอลงทุน ซึ่งในช่วง 7-8 เดือนที่ผ่านมาต่างชาติซื้อหุ้นไทยมากถึง 1.3-1.4 แสนล้านบาท ทำให้คาดว่าหลังจากนี้ก็น่าจะชะลอตัวลง โดยกลยุทธ์จัดพอร์ตช่วงที่เหลือปีนี้แนะให้ถือเงินสดเกิน 50% ของพอร์ต แต่หากดัชนีหลุด 1,400 จุดแนะให้ถือเงินสดน้อยลง

ความเสี่ยงหุ้นไทยก็คือปรับขึ้นต่อเนื่อง 8 เดือนแล้ว เป็นไปได้ที่จะผันผวนทางลง กรอบ 1,400-1,500 ถ้าหากมีปัจจัยในและนอกประเทศเข้ามากระทบแรง ๆ ก็จะหลุด 1,400 ซึ่งปัจจัยในประเทศ เช่น เสถียรภาพรัฐบาล ความร้อนแรงทางการเมือง และสิ่งที่คนไทยเป็นห่วงกังวล”นายประภาส กล่าว

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปี 2560 มองกรอบ 1,400-1,800 จุด โดยปัจจัยที่จะขับเคลื่อนดัชนีให้ปรับขึ้นไประดับ 1,800 จุดได้น่าจะมาจากกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เป็นปัจจัยหลัก โดยคาดกำไรสุทธิ/หุ้น (EPS) จะอยู่ที่ 105-106 บาท/หุ้น จากปีนี้ที่คาด 95 บาท/หุ้น โดยมองปี 2560 กำไรบจ.จะทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 8.7 แสนล้านบาท หรือโต 10% จากปี 59 ที่คาดอยู่ที่ 7.8 แสนล้านบาท เติบโตจากปี 58 ที่อยู่ระดับ 6.7 แสนล้านบาท 

Back to top button