บลจ.กสิกรไทย เปลี่ยนชื่อกอง K-MPLUS เป็น K-SFสะท้อนนโยบายการลงทุนชัดเจนขึ้น มีผล 4 ม.ค.60

บลจ.กสิกรไทย เปลี่ยนชื่อกองทุน K-MPLUS เป็น K-SF หวังสะท้อนนโยบายการลงทุนชัดเจนขึ้น-สื่อถึงการเป็นกองทุนตราสารหนี้ซึ่งมีความแตกต่างกับกองทุนรวมตลาดเงิน มีผล 4 ม.ค.60


นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนตราสารหนี้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด หรือ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่าบลจ.กสิกรไทยได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) โดยเปลี่ยนชื่อเป็น กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น (K-SF) เพื่อให้ชื่อของกองทุนสะท้อนถึงนโยบายการลงทุนได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นและสื่อถึงการเป็นกองทุนตราสารหนี้ซึ่งมีความแตกต่างกับกองทุนรวมตลาดเงิน โดยจะเริ่มใช้ชื่อใหม่ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2560 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ เนื่องจากกองทุนรวมในกลุ่มตลาดเงินและกองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วไปที่สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ กองทุนทั้ง 2 ประเภทจะมีความแตกต่างกันทั้งในแง่ประเภทของตราสารและอายุตราสารที่ลงทุนซึ่งโดยทั่วไปกองทุนรวมตราสารหนี้จะมีอายุเฉลี่ยของตราสารมากกว่ากองทุนรวมตลาดเงินจึงทำให้มีความผันผวนของราคาที่สูงกว่า

ดังนั้นบริษัทจึงเห็นสมควรให้เปลี่ยนชื่อกองทุนใหม่จากกองทุนเปิดเคเอ็มพลัส (K-MPLUS) เป็น กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น (K-SF) เพื่อให้สื่อถึงนโยบายการลงทุนที่ชัดเจนและมีความแตกต่างกับกองทุนรวมตลาดเงินทั้งนี้เนื่องจากเป็นเพียงการเปลี่ยนชื่อกองทุนเท่านั้นแต่นโยบายการลงทุนรวมถึงระดับความเสี่ยงของกองทุนยังคงเหมือนเดิม

สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุน K-SF จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นทั้งภาครัฐและเอกชนโดยสามารถลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกิน 50% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนและกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

ทั้งนี้กองทุน K-SF เหมาะสำหรับเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยต้องการลงทุนในระยะสั้นหรือเพื่อเป็นแหล่งพักเงินในระยะเวลาประมาณ 1 เดือนขึ้นไป และคาดหวังผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากและกองทุนรวมตลาดเงินรวมถึงผู้ที่ต้องการสภาพคล่องสูงเนื่องจากสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการและผู้ลงทุนจะได้รับเงินค่าขายคืนในวันทำการถัดไป ปัจจุบันกองทุน K-SF ของบลจ.กสิกรไทยถือเป็นกองทุนตราสารหนี้ทั่วไป

ระยะสั้น ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีมูลค่าสินทรัพย์รวมกว่า 241,000 ล้านบาท (ข้อมูลจาก AIMC ณ วันที่ 30 ธ.ค. 59)

ด้านมุมมองตลาดตราสารหนี้ไทยในปี 2560 บลจ.กสิกรไทยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายจนถึงสิ้นปี 2560 เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำขณะที่ปัจจัยต่างประเทศมองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) น่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดย FED ได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2-3 ครั้งในปี 2560 ทั้งนี้มองว่าตลาดได้รับรู้ทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ไปมากแล้วทำให้ในระยะต่อไป ราคาตราสารหนี้ไม่น่าปรับตัวลงแรงมากนัก นอกจากนี้ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่ยังมีอยู่สูง ทั้งจากนโยบายของสหรัฐฯ เองและความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป รวมถึงการอ่อนค่าของเงินหยวนของจีนทำให้ความต้องการลงทุนในตราสารหนี้ยังมีอยู่สูงประกอบกับปริมาณสภาพคล่องในระบบการเงินโลกที่ยังมีอยู่สูงยังเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในตราสารหนี้ในปี 2560” นายชัชชัยกล่าว

Back to top button