บลจ.กรุงศรี จ่ายปันผล 3 กองทุนตปท.

บลจ.กรุงศรี จ่ายปันผล 3 กองทุนตปท. พร้อมกันวันที่ 21 มี.ค.60


น.ส.ศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด หรือ บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า บลจ.กรุงศรี ได้จ่ายเงินปันผลกองทุนต่างประเทศจำนวน 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงศรีเจแปนเฮดจ์ ปันผล (KF-HJAPAND) สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่1 พฤศจิกายน 2559 – 31 มกราคม 2560 ในอัตราหน่วยละ 0.50 บาท โดยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2558 กองทุนมีการประกาศจ่ายเงินปันผลไปแล้วจำนวน 4 ครั้ง เป็นจำนวนเงิน 2.00 บาท/หน่วย (มิ.ย. 58 =0.50 / ก.ย. 58 = 0.50 / พ.ย. 59 = 0.50/ มี.ค.60 =0.50)

ส่วนกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้ปันผล (KF-GBRAND) สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 – 31 มกราคม 2560 ในอัตราหน่วยละ 0.25บาท โดยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2559 กองทุนมีการจ่ายเงินปันผลไปแล้วจำนวน 1 ครั้ง ในเดือนมีนาคม 2560 เป็นจำนวนเงิน 0.25 บาท/หน่วย

ด้านกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลเฮลธ์แคร์อิควิตี้ปันผล (KF-HEALTHD) สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 –31 มกราคม 2560 ในอัตราหน่วยละ 0.25บาท โดยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2557 กองทุนมีการประกาศจ่ายเงินปันผลไปแล้วจำนวน 7 ครั้ง เป็นจำนวนเงิน 3.30 บาท/หน่วย (ธ.ค. 57 = 0.40 / มี.ค. 58 =0.75 / มิ.ย. 58 = 0.35/ ก.ย. 58 = 1.00 / ธ.ค. 58 =0.30 / ก.ย. 59 = 0.25 / มี.ค. 60 = 0.25)

โดยกองทุนทั้ง3 ดังกล่าวได้ปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2560 และได้จ่ายเงินปันผลพร้อมกันในวันที่ 21 มีนาคม ที่ผ่านมา” (ที่มา:บลจ.กรุงศรี ณ 21 มี.ค. 60 / ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)

ทั้งนี้บลจ.กรุงศรี เชื่อมั่นว่าทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวมีความน่าสนใจและเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนต่างๆ อาทิ กองทุน KF-HJAPAND ได้รับปัจจัยบวกจากค่าเงินเยนที่มีแนวโน้มกลับมาอ่อนค่าหลัง Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย และส่งผลบวกต่อคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ BOJ ยังคงเน้นกระตุ้นเงินเฟ้อและการบริโภคภายในประเทศด้วยนโยบายการคลังและมาตรการ QE รวมถึงบรรษัทภิบาลที่ดีขึ้นส่งผลให้บริษัทที่มีกระแสเงินสดสูงมีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลมากขึ้น

ด้านกองทุน KF-GBRAND จะได้รับประโยชน์ในระยะกลาง-ยาว เนื่องจากหุ้นที่กองทุนลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา และคาดว่าจะได้รับปัจจัยสนับสนุนหากโดนัลด์ ทรัมป์ ดำเนินนโยบายปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดาตามที่ได้เคยหาเสียงไว้ซึ่งจะส่งผลบวกต่อหุ้นสหรัฐฯ

ในส่วนของกลุ่มเฮลท์แคร์ ตลาดเริ่มคลายความกังวลต่อประเด็นการควบคุมราคายา หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการให้ปรับลดราคายาโดยแลกกับการผ่อนปรน การกำกับดูแลและอนุมัติยาให้เร็วขึ้น พร้อมกับสนับสนุนให้บริษัทยานำเงินสดที่อยู่ต่างประเทศกลับสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้มีการควบรวมกิจการและการซื้อหุ้นคืน ถือเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ส่งผลให้ราคาหุ้นมีแนวโน้มกลับมาสู่พื้นฐานที่ดี” น.ส.ศิริพร กล่าว

โดยกองทุน KF-HJAPAND มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ Eastspring Investments – Japan Dynamic Fund (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80.00 ของ NAV 5 เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง และมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน

ส่วนกองทุน KF-GBRAND มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ Morgan Stanley Investment Funds – Global Brands Fund (Class Z) (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80.00 ของ NAV ความเสี่ยงระดับ 6: เสี่ยงสูง และการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหน่วยลงทุน

ด้านกองทุน KF-HEALTHD มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ JPM Global Healthcare Fund (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80.00 ของ NAV ความเสี่ยงระดับ 6: เสี่ยงสูง และการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเป็นไปตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหน่วยลงทุน

Back to top button