บลจ.กสิกรไทยเชื่อหุ้นไทยยังโตต่อเนื่องเสิร์ฟกองทุน KTFT4 ตั้งเป้า5%ใน 1 ปี
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า การลงทุนในหุ้นไทยว่า ในปีนี้ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมีความผันผวนพอสมควร โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นแรงเนื่องจากตลาดมีความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเม็ดเงินลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ทำให้ดัชนีได้แตะที่ระดับสูงสุดของปีที่กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ระดับ 1,600 จุด
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า การลงทุนในหุ้นไทยว่า ในปีนี้ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมีความผันผวนพอสมควร โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นแรงเนื่องจากตลาดมีความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเม็ดเงินลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ทำให้ดัชนีได้แตะที่ระดับสูงสุดของปีที่กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ระดับ 1,600 จุด
แต่อย่างไรก็ตาม ดัชนีได้มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในเดือนมีนาคม และลดลงต่ำกว่าระดับ 1,500 จุด ช่วงปลายเดือน สาเหตุเนื่องมาจากการประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ล่าช้ากว่าที่คาดไว้ โดยนักวิเคราะห์และสถาบันการเงินต่างๆ ได้ออกมาปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโต GDP ในปี 2558 อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทยที่ปรับลดจาก 4.00% มาอยู่ที่ 3.80% ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดจาก 4.00% มาอยู่ที่ 2.80%
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ล่าสุดของตลาดหุ้นไทย เมื่อตลาดได้เปิดทำการในวันที่ 16 เมษายน หลังจากวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ ดัชนีได้ปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างแรง สาเหตุมาจากการที่ราคาน้ำมันโลกที่มีการรีบาวน์ และปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ตลาดไทยหยุดทำการกว่า 10% และทำระดับสูงสุดของปีนี้ที่ 56 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งทาง บลจ.กสิกรไทย คาดว่าระดับราคาน้ำมันโลกน่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 40-60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลภายในปีนี้
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงคาดการณ์เป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปี 2558 ที่ระดับ 1,700 จุด ด้วยอัตราส่วน P/E ที่ระดับ 16.5 เท่า และมองแนวโน้มอัตราการเติบโตของผลกำไรปกติของบริษัทจดทะเบียนที่ 12% ทั้งนี้จะได้รับปัจจัยบวกหลายด้านทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยปัจจัยภายในประเทศที่เป็นตัวแปรสำคัญ คือการเร่งกระตุ้นการใช้จ่ายงบประมาณต่างๆ และการเร่งดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ให้มีความคืบหน้าและเห็นชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อความเชื่อมั่นทั้งการลงทุน และการบริโภคของภาคเอกชนต่อไป
ด้านปัจจัยภายนอกประเทศ ยังได้รับอานิสงค์มาจากสภาพคล่องในตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง ทั้งจากการดำเนินมาตรการ QE ของธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางญี่ปุ่น และอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่ยังอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ที่หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช้ากว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ในช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายนปีนี้ ก็จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นเพิ่มเติมด้วย ดังนั้นผู้ลงทุนอาจอาศัยจังหวะนี้ สามารถทยอยสะสมเข้าลงทุนในหุ้นไทย เพื่อโอกาสรับผลกำไรจากการเติบโตของตลาดหุ้นไทยในระยะต่อไปได้
นางสาวธิดาศิริกล่าวต่อว่า “ในโอกาสนี้ บลจ.กสิกรไทย จะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ไทย เฟล็กซิเบิ้ล ทริกเกอร์ 4 (KTFT4) ในวันที่ 20-22 เมษายน 2558 นี้ โดยกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท มีนโยบายเน้นการลงทุนในหุ้นไทย แต่สามารถลงทุนในตราสารหนี้หรือเงินฝากได้ โดยผู้จัดการกองทุนสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้ตั้งแต่ 0%-100% ตามสภาวะตลาดที่เหมาะสมในแต่ละขณะ โดยกองทุนมีเป้าหมายผลตอบแทนของกองทุนอยู่ที่ 5%* ภายในระยะเวลา 1 ปี พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนรับผลตอบแทน 2 ครั้ง คือ ครั้งแรกจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ เมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.20 บาท ต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 2.0% และครั้งที่ 2 จะรับซื้อคืนโดยอัตโนมัติเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.70 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนอีกประมาณ 3.0%* อย่างไรก็ตาม หากภายในปีแรก มูลค่าหน่วยลงทุนไม่สามารถปรับขึ้นไปถึงเป้าหมายที่ระดับดังกล่าวได้ ในปีถัดไปนักลงทุนสามารถขายหน่วยลงทุนออกมาได้
ทั้งนี้กองทุนจะกำหนดเป้าหมายใหม่ โดยจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและเลิกกองทุน หากหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.20 บาท*” (หมายเหตุ: *เป็นเพียงเป้าหมายการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทั้งหมดเพื่อเลิกกองทุนเท่านั้น ไม่ใช่ตัวประมาณการหรือรับประกันอัตราผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับ ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงอาจจะได้ผลตอบแทนต่ำกว่าที่อ้างถึง)