KTAM เปิดขาย 2 กองทุน ถึง 23 พ.ค.นี้
KTAM เปิด 2 กองตราสารหนี้ตปท. “KTFF148” อายุ 1 ปี ชูผลตอบแทน 1.7% -“ KTFF149” อายุ 3 เดือน-คาดผลตอบแทน 1.4% เสนอขายถึง 23 พ.ค.60
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เอฟไอเอฟ 148 ( KTFF148) และกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เอฟไอเอฟ 149 (KTFF149) เสนอขายถึงวันที่ 23 พ.ค.60
โดยกองทุน KTFF148 อายุโครงการ 1 ปี เน้นลงทุนใน Bank of China (Macau) China, AI Khaliji Commercial Bank , Commercial bank of Qatar , Union Nation Bank (United Arab Emirates) ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ19% ยกเว้น Agricultuarl Bank of China ลงทุน10% และตราสารหนี้ Mashreg Bank (United Arab Emirates) ลงทุน14% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.70% ต่อปี
ส่วนกองทุน KTFF149 อายุโครงการ 3 เดือน เน้นลงทุนเงินฝากประจำ China Construction Bank Corporation Limited , Agricultural Bank of China , AI Khaliji Commercial Bank , Union national Bank PJSC United Arab Emirates , PT Bank Rakyat Indonesia ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 18% ยกเว้นตราสารหนี้ Industril and Commercial Bank of China Limited ลงทุนในสัดส่วน 10% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.40% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุน มีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
สำหรับอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวขึ้นลงในช่วงแคบ โดยตลาดได้ซึมซับปัจจัยหลักๆ เช่น การคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ( Fed) ในเดือนมิถุนายนไปแล้ว ประกอบกับใน 2 สัปดาห์ข้างหน้าไม่มีการเปิดประมูลพันธบัตรรัฐบาลใหม่ท่ามกลางสภาพคล่องในตลาดที่ยังทรงตัวในระดับสูงตามแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติเป็นยอดซื้อสุทธิจำนวน 7,157 ล้านบาท
ด้านอัตราผลตอบแทนของพันบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา มีการปรับตัวลงทุกช่วงอายุ ทำให้อัตราผลตอบแทนของตราสารทุกช่วงอายุปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนจากการที่ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานและยอดขายปลีกออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกว่าข่าวการปลดผู้อำนวยการ FBI จะส่งผลกระทบต่อแผนการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์
โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง 3 bps.มาอยู่ที่ 1.29% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 4 bps.มาอยู่ที่ 1.85% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 3 bps.มาอยู่ที่ 2.33% ต่อปี สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามจะเป็นแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา แนวโน้มการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจ การค้า และการเมืองของสหรัฐอเมริกา รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ