TISCOAM โชว์กอง TISESG-S ให้ผลตอบแทนสูง
TISCO โชว์กองทิสโก้ESGเพื่อสังคม ให้ผลตอบแทนสูง 13.53% พร้อมแนะแนวคิดลงทุนแบบยั่งยืน
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด หรือ บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมากระแสการลงทุนตามแนวคิด “การลงทุนแบบยั่งยืน” (Sustainability Investment) ซึ่งเป็นการลงทุนในรูปแบบใหม่ที่เน้นการลงทุนระยะยาวในหลักทรัพย์ของกิจการที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และ ธรรมาภิบาล (Governance) หรือเรียกสั้นๆ ว่า ESG
โดยเป็นกระบวนการที่ฝังเข้าไปในกระบวนการทำธุรกิจ (CSR-in-process) ของบริษัทที่เชื่อว่าบริษัทเหล่านี้จะเป็นบริษัทที่มีความยั่งยืนในธุรกิจ และสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้แบบยั่งยืนในอนาคต ซึ่งแนวคิดนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในหลายๆ ประเทศทั่วโลก และได้รับการผลักดันจากองค์กรชั้นนำต่างๆ รวมถึงในประเทศไทยที่เริ่มมีการผลักดันแนวคิดนี้ในการลงทุนกันมากขึ้น
ทั้งนี้กลุ่มทิสโก้ในฐานะสถาบันการเงินที่มุ่งดำเนินธุรกิจไปพร้อมกับความรับผิดชอบต่อสังคม ได้เล็งเห็นความสำคัญจึงจับมือกับสถาบันไทยพัฒน์ และผู้ลงทุนบริษัทเอกชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีก 6 แห่ง ร่วมกันพัฒนาแนวคิดดังกล่าวให้เป็นรูปธรรมโดยจัดตั้ง “กองทุนทิสโก้ ESG เพื่อสังคม” (TISCO ESG Investment Fund for Society : TISESG-S) เป็นครั้งแรก เมื่อ 21 ต.ค. 2558
โดยคัดเลือกบริษัทจดทะเบียนที่มีความโดดเด่นและดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบของ ESG เข้ามาอยู่ในพอร์ตลงทุน ภายใต้การบริหารกองทุนโดย บลจ.ทิสโก้ โดยผู้ร่วมก่อตั้งมีเจตนารมณ์ร่วมกันในการเอาปันผลที่เกิดจากการลงทุนที่จะเริ่มจ่ายออกมาในอนาคตไปทำกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมแบบยั่งยืน
สำหรับระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี “กองทุนทิสโก้ ESG เพื่อสังคม” สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนถึง ณ 30 มิ.ย. 2560 อยู่ที่ 13.53% ต่อปี สามารถชนะตลาดเมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัดของกองทุนในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ( ดัชนีชี้วัดของกองทุน เปลี่ยนจาก SET Index เป็น SET TRI เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2560) ซึ่งอยู่ที่ 7.73% ต่อปี
ขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลังระยะ 1 ปี อยู่ที่ 15.36% ต่อปี ระยะ 6 เดือน อยู่ที่ 8.07% และระยะ 3 เดือนอยู่ที่ 3.84% เมื่อเทียบกับดัชนีวัดข้างต้นซึ่งอยู่ที่ 11.17%, 4.12% และ 1.12% ตามลำดับ และนับเป็นกองทุนหุ้นไทยที่สามารถสร้างผลตอบแทนสูงสุดติด 1 ใน 5 อันดับในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 จากข้อมูลของบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) (ณ 30 มิ.ย. 2560) ซึ่งผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิใช่สิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
“ปัจจุบันมีแรงผลักดันให้ภาคธุรกิจต้องสนใจ ESG เพราะเป็นการลงทุนที่มีส่วนช่วยเหลือสังคมและช่วยโลก หรือที่เรียกว่าการลงทุนแบบยั่งยืน และกำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรงทั่วโลก เราเชื่อว่าการลงทุนแนวนี้จะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มของนักลงทุนสถาบันที่ตื่นตัวอย่างมาก เนื่องจากการลงทุนดังกล่าวนี้จะนำผลตอบแทนไปจัดสรรเพื่อช่วยเหลือสังคมในลักษณะที่มีต่อเนื่อง” นายสาห์รัช กล่าว
โดยที่ผ่านมาบลจ.ทิสโก้ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนได้นำเงินค่าธรรมเนียมจากการจัดการในอัตรา 1.07% ต่อปี ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (50% ของ management fee) ไปบริจาคให้แก่มูลนิธิหรือหน่วยงานอื่นใดที่บริษัทจัดการพิจารณาเห็นว่าเป็นมูลนิธิหรือหน่วยงานที่ทำประโยชน์ให้แก่สังคมไทยแล้ว 2 ครั้ง (อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกมูลนิธิหรือหน่วยงานดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทจัดการ)
ครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2559 และครั้งที่สองเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2560 รวมถึงองค์กรผู้ร่วมลงทุนในกองทุนทิสโก้ ESG เพื่อสังคมก็ได้นำผลตอบแทนในอัตรา 50% ของผลตอบแทนจากการลงทุนไปทำกิจกรรมเพื่อสาธารณะประโยชน์เช่นเดียวกัน และภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ บลจ.ทิสโก้ยังเตรียมเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั่วไปสามารถเข้ามาลงทุนในกองทิสโก้ ESG เพื่อสังคมด้วย
สำหรับกองทุนเปิด ทิสโก้ ESG เพื่อสังคม มีความเสี่ยงสูงในระดับ 6 ไม่กำหนดอายุโครงการ มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 50,000 บาท เสนอขายให้กับองค์กร บริษัทต่างๆหรือผู้ลงทุนทั่วไป