บลจ.กรุงศรีออกกองทุนKFFAI6M12ชูผลตอบแทน 2.2%ขาย12-18 พ.ค.
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด หรือ KSAM เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 6M12 (KFFAI6M12) อายุประมาณ 6 เดือน เสนอขายระหว่างวันที่ 12-18 พฤษภาคม 2558
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด หรือ KSAM เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 6M12 (KFFAI6M12) อายุประมาณ 6 เดือน เสนอขายระหว่างวันที่ 12-18 พฤษภาคม 2558
โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน,มาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 6% ตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Akbank T.A.S. (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 23.50% ตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Isbank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 23.5% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Vakifbank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 23.5% และตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Yapi Kredit bank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 23.5%
ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 2.20% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป
กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 6M12 (KFFAI6M12) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้เหมาะกับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้ที่มีเงินลงทุนสูงลงทุนขั้นต่ำ 510,000 บาท ที่ต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และต้องการล็อคผลตอบแทนโดยสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน
สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้โลกนั้น อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐอเมริกาปรับขึ้น 0.01-0.04% โดยที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวปรับขึ้นมากกว่าอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้น ทางด้านธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.00% โดยระบุว่าความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำเป็นสาเหตุของการประกาศลดอัตราดอกเบี้ย ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับขึ้น 0-0.24% โดยที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวปรับขึ้นมากกว่าอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้น