บลจ.กสิกรไทยชี้แนวโน้มดอกเบี้ยซึมยาวแนะลงทุนกองตราสารหนี้ 6 เดือนขึ้นไป
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทยมองแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทยว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงติดต่อกันถึง 2 ครั้งนับตั้งแต่ต้นปี จนปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำที่ 1.50% และคาดว่าจะยังทรงตัวในระดับดังกล่าวต่อไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรืออาจมีโอกาสปรับลดลงได้อีก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังมีการฟื้นตัวที่ไม่ชัดเจน แม้ว่ารัฐบาลจะเร่งดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานและการเบิกจ่ายงบประมาณให้ชัดเจนมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถชดเชยเรื่องตัวเลขส่งออกและการบริโภคที่ยังคงชะลอตัว รวมถึงภาวะเงินเฟ้อของไทยที่ยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทยมองแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทยว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงติดต่อกันถึง 2 ครั้งนับตั้งแต่ต้นปี จนปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำที่ 1.50% และคาดว่าจะยังทรงตัวในระดับดังกล่าวต่อไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรืออาจมีโอกาสปรับลดลงได้อีก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังมีการฟื้นตัวที่ไม่ชัดเจน แม้ว่ารัฐบาลจะเร่งดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานและการเบิกจ่ายงบประมาณให้ชัดเจนมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถชดเชยเรื่องตัวเลขส่งออกและการบริโภคที่ยังคงชะลอตัว รวมถึงภาวะเงินเฟ้อของไทยที่ยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง
จากภาวะอัตราดอกเบี้ยของไทยที่อยู่ในระดับต่ำดังกล่าว ส่งผลทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบันมีความน่าสนใจลดลงเนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ต่ำ และทำให้ผู้ลงทุนเริ่มหันมาให้ความสนใจลงทุนกับกองทุนรวมตราสารหนี้มากขึ้น เนื่องจากเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจและช่วยเพิ่มผลตอบแทนได้ดีกว่าการฝากเงินเพียงอย่างเดียว ภายใต้ระดับความเสี่ยงที่ไม่สูงมากนัก
ทั้งนี้ สำหรับกองทุนตราสารหนี้ของบลจ.กสิกรไทย ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ (K-FIXED) ซึ่งปัจจุบันกองทุนได้มีขนาดมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นถึงระดับ 37,920 ล้านบาท (ณ วันที่ 15 พ.ค. 2558) โดยเติบโตขึ้นถึง 320% เมื่อเทียบกับขนาดมูลค่าสินทรัพย์ในช่วงปลายปี 2557 ที่ขนาดประมาณ 9,000 ล้านบาท โดยใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 4 เดือนกว่าเท่านั้น
สำหรับนโยบายของกองทุน K-FIXED คือ เป็นกองทุนตราสารหนี้ที่มีกรอบเวลาการลงทุนในระยะกลางถึงยาว เหมาะสำหรับผู้ที่สามารถลงทุนได้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป และสามารถรับความผันผวนได้ในระดับหนึ่ง โดยกองทุนยังสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุนรวมตลาดเงินและตราสารหนี้ระยะสั้น โดยพอร์ตปัจจุบันจะให้น้ำหนักการลงทุนส่วนใหญ่ในพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยที่ 60-70% ที่เหลือจะเป็นการลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้เอกชน และกองทุนมีอายุเฉลี่ยของตราสาร (Duration) ปัจจุบันอยู่ที่ 2-3 ปี
นอกจากนี้ในแง่ของการบริหารความเสี่ยงของตราสารหนี้เอกชน ผู้จัดการกองทุนยังให้ความสำคัญกับการคัดเลือกตราสารที่มีความน่าเชื่อถือและพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสารอย่างละเอียดด้วย
ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทุน K-FIXED ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 5.17% ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีที่ 4.67% ต่อปี และให้ผลตอบแทนตั้งแต่ตั้นปี 1.92% (ข้อมูลจาก Morningstar ณ วันที่ 30 เม.ย. 58) ซึ่งถือเป็นผลดำเนินงานที่โดดเด่นและจัดอยู่ในลำดับ Top Quartile จากการจัดอันดับกองทุนตามเกณฑ์มาตรฐานของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) นอกจากนี้กองทุนยังได้รับรางวัลกองทุนยอดเยี่ยมจาก Morningstar Thailand ในปี 2012 และปี 2015 ในประเภทกองทุนตราสารหนี้ระยะปานกลางถึงยาว (Mid/Long Term Bond) ถือเป็นการรับรางวัลต่อเนื่องถึง 2 ครั้งภายในระยะเวลา 4 ปี
นอกจากนี้ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ ที่มีกำหนดระยะเวลาประมาณ 6 เดือน ในระหว่างวันที่ 19-25 พฤษภาคม 2558 บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีเอฟ(KEFF6MBF) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.10% ต่อปี โดยในเบื้องต้นจะลงทุนในเงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี, เงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า, ตราสารหนี้ VakifBank, ประเทศตุรกี, ตราสารหนี้ Banco Santander (Brasil) S.A. และตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., ประเทศบราซิล โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน