บลจ.ไทยพาณิชย์ จับจังหวะหุ้นไทยร่วงออกกองทริกเกอร์ เป้าผลตอบแทน 6%
บลจ.ไทยพาณิชย์ จับจังหวะหุ้นไทยร่วง ออกกองทริกเกอร์ เป้าผลตอบแทน 6% ใน 7 เดือน
นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1,400 จุด จึงมองว่าเป็นโอกาสและจังหวะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย ดังนั้นบริษัทฯ ได้ออกกองทุนทริกเกอร์อีก 1 กองทุน คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ทริกเกอร์ 3% พลัส 3% ฟันด์ เฮช (SCBTG3P3H) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เสนอขายระหว่างวันที่ 21-25 สิงหาคม 2558 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
ทั้งนี้กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ทริกเกอร์ 3% พลัส 3% ฟันด์ เฮช (SCBTG3P3H) มีกลยุทธ์ในการเข้าลงทุนในหุ้น Low beta ซึ่งเป็นหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่ค่อยผันผวนรุนแรงเมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) โดยเน้น 3 กลุ่มหลักคือ 1) Story Driven อาทิเช่น โครงสร้างพื้นฐาน, ผู้ประมูล 4G และหุ้นที่จ่ายปันผลระหว่างกาล
2) หุ้นดีที่ราคาปรับลดลงมากเกินปัจจัยพื้นฐาน และ 3) หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากภาวะอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำและเงินบาทอ่อนค่า นอกจากนี้กองทุนยังมีความยืดหยุ่นโดยไม่มีการกำหนดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน และสามารถใช้ตราสารอนุพันธุ์ (Derivatives) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารกองทุน
สำหรับกองทุนนี้ตั้งเป้าหมายผลตอบแทน 2 ครั้งๆ ละ 3% ภายในระยะเวลา 7 เดือน เมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนเข้าเงื่อนไขตามที่กำหนด คือ ครั้งที่1 เมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับ 10.30 บาทต่อหน่วย ณ วันทำการใด โดยจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ 3% ของมูลค่าที่ตราไว้ 10 บาท ส่วนครั้งที่ 2 หากมูลค่าหน่วยลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับ 10.8505 บาทต่อหน่วย ณ วันทำการใด และสามารถรับซื้อคืนอัตโนมัติได้ไม่ต่ำกว่า 10.7260 บาทต่อหน่วย
“บริษัทมองว่า จากเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น จะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น โดยมีมุมมองแนวโน้มการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยสำหรับช่วง 6-12 เดือนข้างหน้าคาดว่าดัชนีจะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากความคืบหน้าของโปรเจคโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ตลอดจนเงินบาทที่อ่อนค่าเป็นปัจจัยหนุนให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก
ทั้งนี้ยังรวมถึงการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยภายในสิ้นปีนี้ส่งผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทยยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีแรงซื้อของกองทุน LTF ที่จะเข้ามาหนุนตลาดในช่วงปลายปีด้วยเช่นกัน” นายสมิทธ์กล่าว