WE เปิดขาย 2 กองทุน ตอบโจทย์ลงทุนเพื่อการเกษียณ

WE เปิดขาย 2 กองทุน ตอบโจทย์ลงทุนเพื่อการเกษียณ


นายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด (บลจ.วี)  เปิดเผยว่า   บลจ.วีเปิดเสนอขายหน่วยลงทุน กองทุนเปิดเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) 2 กองทุน ได้แก่  กองทุนเปิด วี มันนี่ มาร์เก็ตเพื่อการเลี้ยงชีพ (WE-MONYRMF) และ กองทุนเปิด วี โกลด์ แอนด์ ซิลเวอร์ อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (WE-GOLDRMF)กำหนดเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 1 – 14 ตุลาคม 2563 ทั้ง 2 กองทุน เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนเพื่อการเกษียณพร้อมรับสิทธิประโยชน์สำหรับการลดหย่อนภาษีในปีที่ซื้อ  ภายใต้เงื่อนไขการถือครองตามประกาศกรมสรรพกร

โดยกองทุนเปิด วี มันนี่ มาร์เก็ต เพื่อการเลี้ยงชีพ (WE-MONYRMF) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นของภาครัฐและเอกชนที่มีคุณภาพและอยู่ในระดับลงทุนได้ หรือ Investment grade ซึ่งมีอายุเฉลี่ยคงเหลือไม่เกิน 90 วัน เพื่อสร้างสภาพคล่องให้แก่กองทุน ขณะเดียวกันกองทุนยังมีความยืดหยุ่นในการเข้าลงทุนตราสารประเภทเงินฝาก และตราสารหนี้ต่างประเทศเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม จึงเหมาะกับนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนที่สม่ำเสมอรับความเสี่ยงได้ต่ำ โดยไม่ต้องกังวลกับความผันผวนที่เกิดจากสภาวะตลาดการลงทุน

ทั้งนี้ กองทุน WE-MONYRMF มีนโยบายการลงทุนใกล้เคียงกับ กองทุนเปิด วี มันนี่ มาร์เก็ต (WE-MONEY-R) ซึ่งที่ผ่านมาสร้างผลตอบแทนย้อนหลังที่น่าพอใจ โดย วันที่ 30 กันยายน  2563 กองทุน WE-MONEY-R มีผลการดำเนินงาน* ย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 0.11 % 6 เดือน  0.23% 1 ปี อยู่ที่ 0.76 %  ตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.47%   และ ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 0.99% ต่อปี เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนี Avg 3M F/D Rate < 5M BBL KBANK&SCB (50.00%), Zero Rate Return 3M Index (50.00%)  ที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่  0.10% 6 เดือน   0.25% 1 ปีอยู่ที่ 0.78% ตั้งแต่ต้นปี อยู่ที่  0.51% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 0.83% ต่อปี

ส่วนกองทุนเปิด วี โกลด์ แอนด์ ซิลเวอร์ อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (WE-GOLDRMF) มีนโยบายลงทุนใน กองทุนหลักMerian Gold and Silver Fund บริหารจัดการโดย Merian Global Investors ทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ในตลาดทองคำโลก เน้นจัดพอร์ตลงทุนในทองคำแท่ง เงินแท่ง หุ้นเหมืองทองและหุ้นเหมืองเงิน ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับภาวะตลาดแต่ละช่วง (Dynamic rotation) เพื่อสร้างโอกาสผลตอบแทนสูงกว่าราคาทองคำ 2-5 เท่าในระยะยาว

กองทุนจะใช้กลยุทธ์การจัดสัดส่วนลงทุนในทองคำและเงิน ให้เหมาะสมกับภาวะตลาด โดยในช่วงตลาดขาขึ้น จะลดการลงทุนในทองคำและเงินแท่ง โดยเน้นสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเหมืองมากขึ้น เน้นลงทุนในหุ้นเหมืองเงินมากกว่าหุ้นเหมืองทองคำ  ส่วนในช่วงตลาดขาลงจะปรับลดสัดส่วนหุ้นเหมืองทองกับหุ้นเหมืองเงินลง และเน้นถือทองคำแท่งเป็นส่วนใหญ่ กองทุนนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนที่สูงจากการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก และกลยุทธ์การปรับพอร์ตที่ยืดหยุ่นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของตลาด และรับความเสี่ยงได้สูงจากความผันผวนของราคาทองคำแท่ง โลหะเงิน และหุ้นเหมือง

ทั้งนี้ กองทุน WE-GOLDRMF มีนโยบายการลงทุนใกล้เคียงกับกองทุนเปิด วี โกลด์แอนด์ ซิลเวอร์อิควิตี้ (WE-GOLD) ซึ่งสร้างผลตอบแทนย้อนหลังที่น่าสนใจ โดย วันที่ 30 กันยายน 2563 กองทุน WE-GOLD ให้ผลตอบแทน* ย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ 24.37% ย้อนหลัง 6 เดือน 82.46%  ตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 30.90%   และตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 45.18% ต่อปี  เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนี FTSE Gold Mine Net Return Index 50% และ Gold Price (XAU) 50%  ที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่  9.45%  6 เดือน   35.85%  ตั้งแต่ต้นปี อยู่ที่  39.64% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุน41.52% ต่อปี

ทั้งนี้ บลจ.วี มีมุมมองต่อภาวะทองคำว่า หลังจากราคาทองคำขึ้นไปแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 2,070 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ในวันที่ 6 .. 2563 ได้เพียง 3 วัน ราคาทองมีการปรับตัวลง จากข่าวการผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ของรัสเซีย และค่าเงินดอลลาร์ที่เริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้เกิดการปรับฐานของราคาทองคำ โดยปัจจุบันราคาทองคำอยู่ที่ระดับ 1,862 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ( วันที่ 28 .. 63)

อย่างไรก็ตาม บลจ.วี ประเมินว่า จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) กำหนดเป้าหมายที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยสูงขึ้นถึง 2% และยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับใกล้เคียงร้อยละ 0.00 และมีแนวโน้มที่จะไม่มีการปรับเพิ่มจนถึงปี 2022 ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง (Real Yield) มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ จากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันซึ่งส่งผลดีต่อการปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งราคาทองคำและเงิน

ขณะเดียวกันต้นทุนการทำเหมืองซึ่งส่วนใหญ่เป็นต้นทุนในการขุดเป็นแบบคงที่ (fixed cost) ดังนั้นเวลาที่ราคาทองคำแท่งหรือเงินแท่งปรับเพิ่มขึ้น ส่วนต่างที่เกิดขึ้น คือกำไรที่หุ้นเหมืองได้รับ และเมื่อพิจารณา Gold and Silver Ratio ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง ซึ่งอยู่ที่ 66:1 (เงิน 66 ออนซ์สามารถซื้อทองได้ 1 ออนซ์) แต่ในปัจจุบันอยู่ที่ 82 ทำให้ราคาโลหะเงินยังต่ำกว่าเมื่อเทียบกับราคาทองคำ ประกอบกับในระยะถัดไป คาดว่าเมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจะมีความต้องการใช้โลหะเงินเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการแพทย์และเทคโนโลยีต่างๆที่กำลังเติบโต  

ดังนั้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุนสำหรับการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ บลจ.วี จึงขอแนะนำ กองทุนเปิด WE-MONYRMF และ กองทุนเปิด WE-GOLDRMF เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการสร้างผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน เพื่อรับมือกับความผันผวนในระยะยาว พร้อมทั้งสิทธิประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีนายอิศรา กล่าว

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมพร้อมรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด(“บลจ.วี”) โทรศัพท์ 02-648-1555 หรือตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุนของ บลจ.วี ได้แก่ บล.เคทีบี (ประเทศไทย), บล.หยวนต้า , บล.โนมูระ, บล.เคจีไอ, บล.เอเชียเวลท์, บล.ฟิลลิป, บล.กรุงศรี, บล.เอสบีไอ ไทย ออนไลน์, บลน.โรโบเวลธ์, บลน.ฟินโนมินา,  บลน.เวลท์ รีพับบลิค และ บลน.เว็ลธ์เมจิก

*ผลการดำเนินงานน้อยกว่า 1 ปี แสดงผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริง ไม่ปรับเป็นอัตราต่อปี

ผลการดำเนินงานมากกว่า 1 ปี แสดงผลการดำเนินงานเป็นอัตราต่อปี

Back to top button