KSAM เสนอขายกองทุน KFFAI3M4ชูยีลด์ 1.95%ขายวันนี้- 31 สิงหาคม
บลจ.กรุงศรี เสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 3M4 (KFFAI3M4) อายุประมาณ 3 เดือน เสนอขายตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคม 2558 เหมาะกับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้ที่มีเงินลงทุนสูง ลงทุนขั้นต่ำ 510,000 บาท ประมาณการผลตอบแทน 1.95% ต่อปี
นายอลัน แคม กรรมการผู้จัดการ (รักษาการ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด(บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า “บริษัทเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ 3M4 (KFFAI3M4) อายุประมาณ 3เดือน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน , มาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 15% เงินฝากธนาคาร Union National Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 15% เงินฝากธนาคาร Akbank T.A.S. (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 10% ตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Isbank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 20%
ตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Vakifbank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 20% และตราสารหนี้ GMTN ออกโดยธนาคาร Yapi Kredit bank (ตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 20% ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 1.95% ต่อปี (ประมาณการค่าใช้จ่ายของกองทุนที่ 0.15%ต่อปีของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ) และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป”
สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้โลกนั้น อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯลดลง 0.06 – 0.13% โดยที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวลดลงมากกว่าอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้น หลังรายงานการประชุมของเฟดไม่มีการบ่งชี้ถึงช่วงเวลาที่ชัดเจนว่าเฟดจะเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด ส่งผลให้ตลาดลดความคาดหวังว่าเฟดจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า นอกจากนี้ เส้นอัตราผลตอบแทนยังได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เศรษฐกิจโลกที่ยังอ่อนแอ รวมถึงการปรับลดลงของราคาน้ำมันอันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันของสหรัฐฯ ซ ส่งผลให้ตลาดมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของอุปทานน้ำมันในตลาดโลก
ส่วนในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติมีการขายพันธบัตรไทยเพื่อปรับสถานะการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่อาจได้รบผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน รวมถึงลดความเสี่ยงที่จะขาดทุนจากการอ่อนตัวของค่าเงินบาท