ทิสโก้จัดสัมมนาฟันธงการลงทุนปี 59จัดพอร์ตให้โต…รับมือเฟดขึ้นดอกเบี้ย
ทิสโก้จัดสัมมนาใหญ่ TISCO Investment Forum "ฟันธงการลงทุนปี 59 จัดพอร์ตให้โต...รับมือเฟดขึ้นดอกเบี้ย" ขนทัพกูรูแนะจัดพอร์ตปีหน้า ชี้เป้า "ยุโรป - ญี่ปุ่น - จีน" เป้าหมายลงทุน รับอานิสงส์เฟดขึ้นดอกเบี้ยส่งเม็ดเงินไหลเข้า ขณะที่พื้นฐานเศรษฐกิจแกร่ง ทางการเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ฟันธงเป็น 3 ภูมิภาคดาวเด่นการลงทุนปี 59
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่า ปัจจัยการลงทุนที่ต้องติดตามในปี 2559 คือการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยคาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งภายในครึ่งแรกของปีหน้า หลังจากนั้นจะคงดอกเบี้ยที่ 0.75-1.0% ในช่วงครึ่งหลังของปี เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในทางกลับกันคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ยังน่าจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่ยังต่ำกว่าเป้า เมื่อพิจารณาแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมของ ECB และ BoJ ประกอบกับความเป็นไปได้ที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นยุโรปและญี่ปุ่น เนื่องจากผลกำไรจากยอดขายสินค้าจากนอกประเทศจะขยายตัวขึ้น
ในปี 2559 TISCO ESU จึงยังคงแนะนำให้ลงทุนใน 1. ตลาดหุ้นยุโรป 2. ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเนื่องจาก GDP ที่มีแนวโน้มดีขึ้นจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของทั้ง 2 ภูมิภาค และแนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรที่น่าจะโตได้ดี โดยตลาดหุ้นยุโรป ผลกำไรของดัชนี STOXX600 ยังอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดเดิมในปี 2550 (2007) อยู่ราว 40% ซึ่งทำให้กำไรน่าจะมีศักยภาพการฟื้นตัวได้อีกมากในอนาคต ส่วนผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในญี่ปุ่นยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเมื่อพิจารณา Valuations ของหุ้นญี่ปุ่นและหุ้นยุโรป ยังไม่แพงเมื่อเทียบกับจุดสูงสุดเดิมในปี 2550 ยังอยู่ในระดับสมเหตุสมผล หากพิจารณาศักยภาพการฟื้นตัวของกำไรในอนาคต และ 3. ตลาดหุ้นจีน โดยเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีขึ้นในไตรมาส 4 และความกังวลเรื่องเงินทุนไหลออกน่าจะคลี่คลาย ประกอบกับความคืบหน้าในการปฏิรูปเศรษฐกิจจีนและแนวโน้มการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจะยังคงช่วยยกระดับ Valuation ของตลาดหุ้นจีนอีกด้วย
ด้าน ผศ. ดร. บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่าแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2559 น่าจะเติบโตได้ดีกว่าปี 2558 ทำให้บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกในปีหน้ายังคงเป็นปีที่ตลาดทุนยังให้ผลตอบแทนดีกว่าสินทรัพย์อื่นๆ โดยมองว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยภายใน 6 เดือนนับจากนี้ ส่วนธนาคารกลางของยุโรป ญี่ปุ่น และจีน (ECB / BoJ / PBoC) จะกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินในรูปแบบที่หลากหลายขึ้น ซึ่งทำให้ปี 2559 ตลาดหุ้นยุโรป โดยเฉพาะเยอรมัน ตลาดหุ้นญี่ปุ่น และ ตลาดหุ้นจีน จึงเป็นตลาดที่น่าสนใจเช่นกัน
ด้าน นายสุพงศ์วร เมี้ยนโภคา หัวหน้าฝ่ายจัดการลงทุนต่างประเทศ บลจ. ทิสโก้ กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2559 จะเติบโตสูงกว่าปี 2558 และนอกจากตลาดหุ้นยุโรป และตลาดหุ้นญี่ปุ่น ที่ยังเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจแล้ว อีกทางเลือกของการลงทุนในปีหน้า คือ การลงทุนใน อสังหาริมทรัพย์ยุโรป และ อสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่น เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน และลดความผันผวนในช่วงที่ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยมองว่าการผ่อนคลายทางการเงินในยุโรปและญี่ปุ่นยังส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยต่ำทั้งในยุโรปและญี่ปุ่น นอกจากนี้ การเข้าซื้อสินทรัพย์ประเภท REIT (กองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์) ของ BoJ ประกอบกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ยังส่งผลดีกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั้งสองภูมิภาค จึงถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการเข้าลงทุน นอกจากนี้ การลงทุนที่มีนโยบายลงทุนเฉพาะเจาะจง (Thematic investment) อาทิ การลงทุนตามธีมเมกะเทรนด์โลกในระยะยาวที่สอดคล้องกับโครงสร้างประชากร อาทิ การลงทุนใน หุ้นยุโรปที่ได้ประโยชน์จากสังคมสูงวัย (Silver Age) ก็เป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจในปี 2559 เช่นกัน
ส่วนปัจจัยที่ต้องระมัดระวังในปีหน้าคือการลงทุนใน ตราสารหนี้ในและต่างประเทศ ซึ่งต้องระวังเพิ่มเติมจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด และการถือครอง USD เพิ่มมากขึ้น อาจมีผลทำให้สภาพคล่องตึงตัวมากขึ้น สำหรับกลุ่มตราสารหนี้ในต่างประเทศบางกลุ่ม เช่น High Yield Bond ของกลุ่มประเทศEmerging countries ซึ่งจะทำให้ลดความน่าสนใจลงไปเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งคุณภาพเครดิตของตราสารหนี้ในประเทศเนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีการออกตราสารหนี้ประเภท non-rated เป็นจำนวนมากทำให้ความเสี่ยงของตราสารหนี้ในประเทศเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
ด้าน นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บลจ. ทิสโก้ กล่าวว่า จากมุมมองการลงทุนดังกล่าว กองทุนที่ บลจ. ทิสโก้แนะนำในปี 2559 ได้แก่ กองทุนที่เน้นลงทุนในภูมิภาคยุโรป โดยทิสโก้มีกองทุนที่ลงทุนในยุโรปอยู่ถึง 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ ยุโรป อิควิตี้ ซึ่งเน้นกระจายการลงทุนในหุ้นยุโรปขนาดใหญ่ 50 ตัวแรกในประเทศยุโรป กองทุนเปิด ทิสโก้ เยอรมัน อิควิตี้ ซึ่งลงทุนเฉพาะในเยอรมันที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง และมี valuation ที่ถูก กองทุนเปิด ทิสโก้ ยุโรป พร็อพเพอร์ตี้ ที่เน้นลงทุนใน REITs และบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในยุโรป ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยุโรปและ กองทุนเปิด ทิสโก้ ซิลเวอร์ เอจ ที่เน้นลงทุนในบริษัทยุโรปที่มีบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้สูงอายุในยุโรปที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับผู้สนใจลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ทิสโก้มีกองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ ที่ลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นตามดัชนี Nikkei 225 และกองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปนรีท ที่ลงทุนใน REITs ในประเทศญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน สำหรับตลาดหุ้นจีนที่มี Valuation ในระดับที่ถูกมากเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ ทิสโก้มี กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า H-Share อิควิตี้ ที่ลงทุนเฉพาะหุ้นจีนในตลาดฮ่องกง
อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจคือ กองทุนหุ้นไทยที่เน้นการลงทุนแบบ bottom-up และเน้นหุ้นในกลุ่มหุ้นขนาดกลางและเล็ก ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ Mid/Small Cap อิควิตี้ โดยกองทุนมีผลการดำเนินงานอันดับ1 ในรอบ10เดือน ตามการจัดอันดับโดย Morning Star เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ในปี 2559 บลจ. ทิสโก้ จะยังคงเดินหน้าจับจังหวะลงทุนด้วยการออกกองทุนทริกเกอร์ฟันด์อย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหมาะสม โดยอาศัยความชำนาญในการจับจังหวะลงทุน เพื่อเป็นอีกทางเลือกในการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทน
ขณะที่ นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล. ทิสโก้ กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศในปี 2559 บล. ทิสโก้ แนะนำให้ลงทุนใน ETFตลาดหุ้นญี่ปุ่น จีน และเยอรมัน เช่นกัน ได้แก่ 1. Nomura NIKKEI 225 ETF ของญี่ปุ่น 2. Hang Seng H-Share ETF ของจีนในตลาดฮ่องกง และ 3. iShares Currency Hedged MSCI Germany ETF ของเยอรมัน
สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์กองทุนต่างประเทศของ บลจ.ทิสโก้ สามารถสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวน ได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือติดต่อ TISCO Contact Centerโทร. 02-633-6000 กด 4 และสำหรับผู้ที่สนใจบริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ/อีทีเอฟต่างประเทศ ของ บล.ทิสโก้ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ TISCO Global Trade โทร. 02-633-6655