KTAM เสนอขายตราสารหนี้KTFF74ชูยีลด์ 1.65% จอง 2-8 ธันวาคม 58

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ทั้งในและต่างประเทศ ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 74 (KTFF74 ) เสนอขาย 2-8 ธันวาคม 2558 อายุ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภท พันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น 60% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำ Abu Dhabi Commercial Bank PJSC และ เงินฝากประจำ Ahli Bank QSC ผลตอบแทนประมาณ 1.65% ต่อปี


นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ทั้งในและต่างประเทศ ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 74 (KTFF74 ) เสนอขาย 2-8 ธันวาคม 2558 อายุ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภท พันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น 60% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำ Abu Dhabi Commercial Bank PJSC และ เงินฝากประจำ Ahli Bank QSC ผลตอบแทนประมาณ 1.65% ต่อปี

นอกจากนี้ อยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยประจำ 6 เดือน คุ้มครองเงินต้น3 ( KTFIX6M3 ) เสนอขายถึงวันที่ 4 ธันวาคม 2558 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ผลตอบแทนประมาณ 1.00% ต่อปี

สำหรับแนวโน้มอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศ มีการปรับตัวลดลงเกือบทุกช่วงอายุตามแรงซื้อกลับของนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนในประเทศโดยเฉพาะกลุ่มสถาบันการเงินและกลุ่มบริษัทประกัน นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ จำนวน 10,309 ล้านบาท สำหรับปัจจัยในประเทศ ที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทิศทางของการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนระหว่างประเทศ และการเคลื่อนไหวของตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ

ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ตราสารระยะสั้น-กลางอัตราผลตอบแทนปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ( Fed ) ในขณะที่ตราสารอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงจากความต้องการลงทุนที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากเสี่ยงในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1 – 8 bps อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง 1 bps.มาอยู่ที่ 0.92% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 6 bps. มาอยู่ที่ 1.64% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 4 bps.มาอยู่ที่ 2.22% ต่อปี

ปัจจัยในประเทศ ที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทิศทางของการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนระหว่างประเทศ การเคลื่อนไหวของตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ และแนวโน้มในการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed

Back to top button