บลจ.กรุงไทย มองตลาดหุ้นอินเดียสดใสชู KT-INDIA เสนอขาย 20-27 ม.ค.นี้

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ประเทศจีนประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิหร่าน กับซาอุดิอาระเบีย และภาวะหุ้นไทยยังมีความผันผวน บลจ.กรุงไทย ได้แสวงหาช่องทางการลงทุน ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนจึงเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ ( KT- INDIA ) ช่วง IPO ในวันที่ 20 -27 มกราคม 2559


นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ประเทศจีนประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิหร่าน กับซาอุดิอาระเบีย และภาวะหุ้นไทยยังมีความผันผวน บลจ.กรุงไทย ได้แสวงหาช่องทางการลงทุน ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนจึงเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ ( KT- INDIA ) ช่วง IPO ในวันที่ 20 -27 มกราคม 2559

โดยเป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Invesco India Equity Fund (กองทุนรวมหลัก ) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยกองทุนรวมหลักมีวัตถุประสงค์บริหารเงินเพื่อการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว เน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของอินเดียเป็นหลัก

ทั้งนี้ การลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย มีความน่าสนใจ เนื่องจากมีนโยบายการปฎิรูปภายในประเทศ มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการลงทุนและดึงดูดนักลงทุนทั้งภายในและภายนอกประเทศอินเดีย มีการปฎิรูปโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจที่ง่ายขึ้น และการลดขั้นตอนต่างๆ เพื่อที่จะเพิ่ม productivity ส่งเสริม Digital Economy และความโปร่งใสของการบริหารงานในองค์กรต่างๆ ทั้งนี้การปฏิรูปจะส่งผลดีต่อภาคลักษณ์ของตลาดทุนและระบบเศรษฐกิจโดยรวมทำให้ตลาดอินเดียมีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก

เศรษฐกิจของอินเดียกำลังเปลี่ยนแปลงจากสภาวะถดถอยเข้าสู่สภาวะฟื้นตัวเต็มตัว การลงทุนใหม่ๆ จะเป็นตัวช่วยในการฟื้นตัว จะเห็นได้ว่าในปี 2014 กระแสเงินไหลเข้าประเทศอินเดีย มากถึง 40% ของเงินที่ไหลเข้าตลาดประเทศเกิดใหม่ทั้งหมด และในปี 2015 ยังมีการลงทุนในประเทศอินเดียอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับอัตราการซื้อขายหลักทรัย์ในตลาดอินเดียโดยนักลงทุนต่างชาติที่สูง น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดทุน

ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่นำเข้าพลังงานเป็นอันดับสามของโลก รองจาก อเมริกา และจีน ดังนั้น ภาวะที่ราคาน้ำมันที่ลงลดอย่างมาก จะส่งผลดีต่อบริษัทต่างๆ ในภาคอุสาหกรรม ต้นทุนการผลิตของสินค้าจะต่ำลง ส่งผลให้บริษัทต่างๆ สามารถทำกำไรได้มากขึ้น ประเทศอินเดียเป็นประเทศหนึ่งที่ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ แม้กระทั้งมีการลดดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps เมื่อเดือนที่ผ่านมาจาก 7.5% มาอยู่ที่ 7.25 % แล้วก็ตาม จึงคาดการณ์ว่าอาจจะมีการลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหลายรอบ หลังจากเริ่มเห็นผลของการปฏิรูปในด้านอื่นๆแล้ว ซึ่งการลดดอกเบี้ยก็จะส่งผลดีต่อตลาดทุนเช่นกัน และ ประชากรวัยทำงานของประเทศอินเดียจะเพิ่มขึ้น 60% ภายในปี 2050 การเพิ่มขึ้นของประชากรวัยทำงานจะส่งผลให้อินเดียเป็นประเทศที่มีแรงงานมากที่สุดในภูมิภาค ประกอบกับแรงงานในอินเดียมีราคาถูก ซึ่งจะเป็นที่ดึงดูดบริษัทใหญ่มาลงทุนในอินเดีย

ทั้งนี้ ผลตอบแทนของกองทุนรวมหลัก ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 35.69 % 3 ปี อยู่ที่ 24.91% และ 5 ปี อยู่ที่ 26.88 % ซึ่งสูงกว่าดัชนีอ้างอิง โดยผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 24.76% 3 ปี อยู่ที่ 26.31% และ5 ปี อยู่ที่ 21.65%

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 79 ( KTFF79 ) เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 26 มกราคม 2559 อายุ 6 เดือน มูลค่า 3,000 ล้านบาท เน้นลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ประกอบด้วย MTN ที่ออกโดย Banco Latinoemericano de Comercio Exterior , S.A. MTN ที่ออกโดย Industrial and Commercial Bank of CHINA (Asia ) Ltd . เงินฝากประจำ Abu Dhabi Commercial Bank PJSC และเงินฝากประจำ Ahli Bank QSC ในสัดส่วน 95% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ของบมจ.บัตรกรุงไทย ผลตอบแทนประมาณ 1.75 % ต่อปี โดยบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี

Back to top button