บลจ.กรุงศรี ออกกองทุนเปิดเน้นลงทุนหุ้นไทยกลาง-เล็ก
บลจ.กรุงศรี ออกกองทุนเปิด เน้นลงทุนหุ้นไทยกลาง-เล็ก
น.ส.ศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีไทยสมอล-มิดแคปอิควิตี้ (KFTHAISM) ที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กของบริษัทในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสูง เนื่องจากในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กสามารถสร้างผลตอบแทนสะสมได้ดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่ และผลตอบแทนเมื่อปรับด้วยความผันผวนแล้วถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจ (ข้อมูล : FTSE ณ 30 ธ.ค. 58) โดยเปิดเสนอขายในช่วงวันที่ 15-24 ก.พ.59
นอกจากนี้ กองทุน KFTHAISM ยังมีกลยุทธ์การบริหารกองทุนที่โดดเด่น ให้ความสำคัญกับการคัดเลือกหุ้นรายตัวโดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจเป็นหลัก และทำความเข้าใจในทุกบริษัทที่ลงทุนอย่างลึกซึ้งเพื่อค้นหาความได้เปรียบในการแข่งขัน ทั้งนี้ กองทุนจะพิจารณาลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นและมีโอกาสเติบโตสูงกว่าตลาดหุ้นโดยรวม รวมทั้งราคาหุ้นอยู่ในระดับที่น่าลงทุนเมื่อเทียบกับผลประกอบการในอนาคต
โดยกองทุน KFTHAISM มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ/หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และ/หรือมีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางธุรกิจ และมีความเสี่ยงกองทุนระดับ 6 – เสี่ยงสูง กองทุน KFTHAISM จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เล็งเห็นโอกาสการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยและต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยสามารถรับความผันผวนของราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้ ซึ่งการจัดสรรเงินบางส่วนมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยในจังหวะที่เหมาะสมกับกองทุน KFTHAISM จะช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนได้
ทั้งนี้ บริษัทได้จัดเตรียมโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุน KFTHAISM ในช่วงการเสนอขายครั้งแรก เมื่อลงทุนครบทุกๆ100,000 บาท จะได้รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) มูลค่า 100 บาท
ขณะที่จากการที่บริษัทประสบความสำเร็จในการบริหารกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล(KFSDIV) ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นปันผล จนเป็นกองทุนหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและมียอดเงินลงทุนสุทธิสูงที่สุดในอุตสาหกรรม 3 ปีต่อเนื่อง (ข้อมูล : Morningstar ณ 30 ธ.ค.58/ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต) ซึ่งถือเป็นกองทุนที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุนจำนวนมาก และในปัจจุบันที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว บริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสเติบโตของหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีศักยภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนให้กับพอร์ตการลงทุนของลูกค้าได้มากขึ้น
อีกทั้ง การลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยจากแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติที่มีสัดส่วนการถือครองหุ้นขนาดใหญ่อยู่เป็นจำนวนมาก โดยมูลค่าการซื้อขายส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ธนาคาร และพลังงาน
สำหรับมุมมองที่มีต่อตลาดหุ้นไทยนั้น บริษัทยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะยาว ถึงแม้ว่าในระยะสั้นตลาดจะยังคงมีความผันผวนอยู่บ้าง แต่เชื่อมั่นว่าในระยะยาวตลาดหุ้นไทยยังมีศักยภาพและมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในหุ้นคุณภาพดี เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่งและกำลังปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
อีกทั้ง มีปัจจัยสนับสนุนอีกหลายประการ ทั้งในส่วนของความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มเป็นบวก อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำ การท่องเที่ยวที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการใช้จ่ายของภาครัฐและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมีความชัดเจนมากขึ้นซึ่งถือเป็นปัจจัยที่สนับสนุนตลาดหุ้นไทย