บลจ.ทิสโก้ ชูกองหุ้น “ยุโรป-ญี่ปุ่น-จีน-อินเดีย” เด่นหุ้นไทยมีแรงหนุนจาก Fund Flow เป้า 1,480 จุด
TISCO ชูกองหุ้น "ยุโรป-ญี่ปุ่น-จีน-อินเดีย"เด่น หุ้นไทยมีแรงหนุนจาก Fund Flow เป้า 1,480 จุด
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ เปิดเผยว่า ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปและญี่ปุ่น เนื่องจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย มีการทำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อเนื่อง รวมถึงการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยติดลบ
โดยบลจ. ทิสโก้มีกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปและญี่ปุ่นอยู่ 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ ยุโรป อิควิตี้ (TISCOEU) ซึ่งเน้นกระจายการลงทุนในหุ้นยุโรปขนาดใหญ่ 50 บริษัท กองทุนเปิด ทิสโก้ เยอรมัน อิควิตี้ (TISCOGY) ลงทุนในกลุ่มบริษัทในประเทศเยอรมนี อ้างอิงดัชนี DAX ของเยอรมัน กองทุนเปิดทิสโก้ ซิลเวอร์ เอจ (TISCOSA) เน้นลงทุนในหุ้นยุโรปที่ทำธุรกิจตอบโจทย์ผู้สูงวัย และ กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ (TISCOJP) ที่ลงทุนในบริษัทญี่ปุ่นขนาดใหญ่ 225 บริษัท อ้างอิงดัชนี Nikkei 225
สำหรับกลุ่ม Emerging Market (EM) โดยรวมตลาดอาจจะยังคงมีความผันผวน แต่ตลาดที่น่าสนใจเข้าไปลงทุนมากที่สุดคือตลาดหุ้นอินเดีย ที่เศรษฐกิจยังคงมีการเติบโตในระดับสูง มีเม็ดเงินไหลเข้าไปลงทุนต่อเนื่อง โดยสามารถลงทุนในอินเดียผ่าน กองทุนเปิด ทิสโก้ อินเดีย อิควิตี้ (TISCOIN) ขณะที่ตลาดหุ้นจีนยังคงมีความน่าสนใจแม้จะมีความผันผวนสูงมูลค่าหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานค่อนข้างมาก มี Valuation ถูกเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ โดยบลจ.ทิสโก้มีกองทุนที่ลงทุนในประเทศจีน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า H-Share อิควิตี้ (TISCOCH) ที่ลงทุนในหุ้นจีนที่ตลาดหุ้นฮ่องกง โดยอิงกับดัชนี HSCEI และกองทุนเปิด ไช่น่า สตาร์ พลัส (TCHSTARP) เป็นกองทุน Fund of Funds ที่ผู้จัดการกองทุนจะดำเนินกลยุทธ์ในการลงทุนในหุ้นจีนผ่านกองทุนต่างๆ
นอกจากนี้ สำหรับนักลงทุนที่มองหาทางเลือกการลงทุนในยุคดอกเบี้ยต่ำ แนะนำ กองทุนเปิด ทิสโก้ ยุโรป พร็อพเพอร์ตี้ (TEUPROP) ที่ลงทุนใน REITs และบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในยุโรป และ กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน รีท (TJREIT) เน้นการลงทุนใน REITs ของญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดย REITs เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนน้อยกว่าหุ้น ยังคงมีการจ่ายปันผลที่ดีและสม่ำเสมอ และเงินปันผลมีการเติบโตต่อเนื่องทุกปี
สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงไม่ได้มาก แต่ต้องการผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและดีกว่าเงินฝาก แนะนำกองทุนเปิด ทิสโก้ อินคัม พลัส (TINCOME) ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดสรรการลงทุนลงในหลายสินทรัพย์ โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้ไทยประมาณ 50% ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ REITs และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานประมาณ 25% และลงทุนในหุ้นไทยประมาณ 25% เพื่อสร้างกระแสเงินสดจากดอกเบี้ยและเงินปันผล โดยบริษัทจัดการจะพิจารณารับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นรายไตรมาส หรือขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทจัดการ ตามที่บริษัทจัดการพิจารณาเห็นสมควร
สุดท้ายสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย บลจ.ทิสโก้ยังคงแนะนำ กองทุนเปิด ทิสโก้ Mid/Small Cap อิควิตี้ (TISCOMS) ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดกลางและเล็ก คัดเลือกโดยอิงตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้นนั้นๆ โดยไม่จำเป็นต้องให้น้ำหนักกับการลงทุนตาม SET Index นับตั้งแต่ตั้งกองทุนมาประมาณ 2 ปีเศษ กองทุนถือว่ามีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาก เหมาะกับสภาวะตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน ที่เศรษฐกิจในภาพรวมยังไม่ดีมาก การเติบโตกระจุกตัวอยู่แค่ในบางอุตสาหกรรม และต่างชาติก็ยังไม่ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนมากนัก
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และเนื่องจากกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวนผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้