บลจ.กสิกรไทย ขายกองไฮยิลด์บอนด์ 6 เดือน8-18 เม.ย.พร้อมรับผลตอบแทน 2.10% ต่อปี
บลจ.กสิกรฯ เปิดขายกองไฮยิลด์บอนด์ 6 เดือน 8-18 เม.ย.พร้อมรับผลตอบแทน 2.10% ต่อปี
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย จะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีที (KEFF6MCT) ในระหว่างวันที่ 8-18 เมษายน 2559 ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.10% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีที (KEFF6MCT) เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี, เงินฝาก Union National Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เงินฝาก First Gulf Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์ นอกจากนี้ยังลงทุนเพิ่มเติมในตราสารหนี้ Yapi Kredi Bankasi A.S., ประเทศตุรกี โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
โดยบลจ.กสิกรไทย ยังเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของบลจ.กสิกรไทย
สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้น แม้ว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของไทยหลายแห่งเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงมาบ้างแล้ว แต่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในครั้งถัดไป บลจ.กสิกรไทยคาดว่า กนง. อาจจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี ไปอีกสักระยะหนึ่ง เนื่องจากมองว่าระดับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันมีความผ่อนปรนเพียงพอแล้ว และเอื้อต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทย
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ได้ประเมินตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ว่าน่าจะขยายตัวได้ 3% ในขณะที่ประมาณการณ์ตัวเลขการส่งออกเท่ากับ 0% ซึ่งปรับลดลงมาจากเดิมที่ 2% ทั้งนี้ เป็นผลมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง และยังไม่เห็นสัญญาณของการฟื้นตัว ประกอบกับปัจจัยด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ตกต่ำส่งผลต่อการส่งออกของไทยที่มีโอกาสหดตัวต่อเนื่องไปยังครึ่งปีหลัง โดยปัจจัยที่ยังคงต้องติดตาม คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของรัฐบาล และการเบิกจ่ายงบกลางปีของรัฐบาล ซึ่งถ้าหากมีความชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น ก็จะน่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ในครึ่งปีหลัง
อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก บลจ.กสิกรไทย แนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ที่มีกำหนดอายุเวลาประมาณ 3-6 เดือน เพื่อเป็นการพักเงินและรอดูความชัดเจนด้านทิศทางเศรษฐกิจ และเพื่อจับจังหวะเข้าลงทุนต่อไป