บลจ.กสิกรไทย ส่งกองตราสารหนี้ตปท.6 เดือนชูผลตอบแทนสูงถึง 2% เสนอขาย 24-27 พ.ค.

นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย หรือ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 24-27 พ.ค.59 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีวาย (KEFF6MCY) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 2.00% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี

สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุน KEFF6MCY เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์, เงินฝาก Union National Bank และเงินฝาก First Gulf Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนี้ ยังลงทุนเพิ่มเติมในตราสารหนี้ Yapi Kredi Bankasi A.S., ประเทศตุรกี

โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท

นอกจากนั้น บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้

ทั้งนี้จากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯหลายตัวที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ทำให้ตลาดต่างคาดการณ์โอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่จะเกิดขึ้นในเดือน มิ.ย.นี้ว่ามีโอกาสเพิ่มมากขึ้น และส่งผลทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น รวมถึงทำให้มีแรงขายสุทธิพันธบัตรรัฐบาลไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 0.29% มาอยู่ที่ 2.12% ต่อปี

โดยในภาวะที่ตลาดการเงินทั่วโลกทั้งตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ยังคงมีความผันผวน และยังมีทิศทางการเคลื่อนไหวที่ไม่ชัดเจน บลจ.กสิกรไทย ยังคงแนะนำทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก โดยสามารถเลือกลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการเพื่อโอกาสล็อกผลตอบแทนที่แน่นอน พร้อมรอดูจังหวะการลงทุนที่ชัดเจนต่อไป