บลจ.ธนชาต ลุยหุ้นไทยครึ่งปีหลังส่งทริกเกอร์ฟันด์ทำกำไร10-12%
บลจ.ธนชาต เปิดตัวกองทริกเกอร์ฟันด์หุ้นไทย ตั้งเป้าทำกำไร 10-12% เชื่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยช่วยหนุน ครึ่งปีหลังอาจเห็นตลาดขยายตัวต่อ ชูกลยุทธ์ลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ ก่อนรอจังหวะปรับลงทุนหุ้นกลาง-เล็กช่วงสั้น
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเปิดขายออกกองทุนT-Challenge 26 ระหว่างวันที่ 2 – มิถุนายน 2559 ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท โดยกองทุนนี้จะเป็นกองทุน ทริกเกอร์ฟันด์มีอายุประมาณ 1 ปี เงื่อนไขการเลิกกองทุนคือ เมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่10.71 บาทขึ้นไป โดยมีเป้าหมายเลิกโครงการที่6% ภายในระยะเวลา 1 ปี ทั้งนี้ในระหว่าง 1 ปีแรก จะรับซื้อหน่วยลงทุนอัตโนมัติ หากกองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 3% ของมูลค่าหน่วยลงทุนที่เสนอขายครั้งแรก แต่จะไม่เกิน 2 ครั้ง
สำหรับกลยุทธ์ของกองทุนนี้ในระยะแรกจะเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่เป็นหลัก แต่เมื่อเห็นจังหวะ อาจเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กในช่วงสั้น และเน้นให้น้ำหนักในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งขึ้นมาก และการใช้จ่ายภาครัฐบาลที่มีการเร่งรัดอยู่ในขณะนี้ อาทิ กลุ่มพลังงานที่คาดว่าราคาน้ำมันจะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มท่องเที่ยวและโรงพยาบาล
ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนพฤษภาคม บรรยากาศหุ้นไทยสดใสมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สามารถสร้างผลตอบแทนมากกว่า 10% แล้ว โดย บลจ.ธนชาต เชื่อว่าช่วงครึ่งหลังของปีตลาดหุ้นไทยก็ยังคงมีความน่าสนใจจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น ซึ่งคาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตได้ประมาณ 10-12% จากผลประกอบการของบริษัทที่กลับมาเติบโตดีขึ้น
ทั้งนี้แม้ว่าในช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวดีขึ้นมาก จากสภาพคล่องในระบบที่มีอยู่สูงและอัตราดอกเบี้ยในระบบยังอยู่ในระดับต่ำ แต่ทั้งนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากราคาหุ้นในช่วงก่อนหน้าได้สะท้อนข่าวร้ายไปมากพอสมควรแล้ว ทั้งเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หรือแม้แต่ความกังวลต่อเศรษฐกิจจีน ประกอบกับรากฐานเศรษฐกิจไทยเองก็มีแนวโน้มฟื้นตัวจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐบาลในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่จะสร้างความยั่งยืนและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับเศรษฐกิจไทยได้
“สังเกตว่าตัวชี้วัดเศรษฐกิจไทยในเดือนเมษายน 2559 มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะการใช้จ่ายรัฐบาลที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 16.8% ต่อปี ยังเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้ โดยอัตราการเบิกจ่ายถือว่าอยู่ในเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ นอกจากนั้น ยังพบว่าดัชนีราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น 5% และดัชนีรายได้เกษตรกรก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.3% เช่นกัน ในเดือนเมษายนเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา” นายบุญชัยกล่าว