การกีฬาประเทศไทยอัพเดตกองทุนมวยช่วยเหลือการดำรงชีพ-เป็นที่พึ่งยามยาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่รัฐบาลมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลนักกีฬา โดยเฉพาะ “กีฬามวย” ที่มี “กองทุนกีฬามวย” บริหารงานโดยคณะกรรมการกีฬามวยที่มีนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน ถือเป็นหน่วยงานหลักที่คอยดูแลและช่วยเหลือนักกีฬามวยด้วยดีตลอดมา

โดยการประชุมครั้งล่าสุดได้มีการอัพเดตสถานะทางการเงินของกองทุนกีฬามวย ณ วันที่ 30 เม.ย. 2559 ปรากฏว่า มีเงินคงเหลือ 79,620,339.85 บาท ซึ่งต้องแบ่งเป็นเงินทุนสำรองจำนวน 28,630,056.84 บาท และจัดสรรเพื่อใช้จ่ายให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนกีฬามวยจำนวน 50,990,283.01 บาท

พร้อมกันนี้ กองทุนกีฬามวยได้ให้ความช่วยเหลือสวัสดิการสงเคราะห์แก่บุคคลในวงการกีฬามวย โดยให้ความช่วยเหลือค่าจัดการศพกรณีเสียชีวิต แก่ครอบครัวของอดีตนักมวยเป็นเงิน 15,000 บาทต่อคน จำนวน 5 คน รวมเป็นเงิน 75,000 บาท

ประกอบด้วย นายกิติ สายกลิ่น (สิงห์พิชิต ส.สิงห์สุรินทร์) เสียชีวิตเนื่องจากมะเร็งลำไส้, นายป่วน จำปาทอง (อาละดิน ศิษย์หิรัญ) เสียชีวิตเนื่องจากมะเร็งไต, นายสมโภชน์ ทับทิมทอง (สมโภชน์ ศิลาชัย) เสียชีวิตเนื่องจากปอดอักเสบติดเชื้อ, นายสนัส สุภาผล (สิทธิศักดิ์ วงศ์ประสิทธิ์) เสียชีวิตเนื่องจากเส้นเลือดในสมองตีบตัน และ ร.ต.เกษม กฤษณะชัยยะ (เกษม กิ่งเพรช) เสียชีวิตเนื่องด้วยชราภาพ รวมทั้งยังให้การสงเคราะห์เงินช่วยเหลือเพื่อการดำรงชีพ เป็นค่าอุปการะเลี้ยงดูรายเดือนแก่อดีตนักมวย ตั้งแต่เดือน ก.ย. 2545 ถึงเดือน เม.ย. 2559 จำนวน 186 คน รวมเป็นเงิน 761,000 บาท ต่อเดือนอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังได้เห็นชอบให้ความช่วยเหลือเพื่อการดำรงชีพ เป็นค่าอุปการะเลี้ยงดูรายเดือนแก่อดีตนักมวย เพิ่มอีก 7 คน โดยกำหนดกรอบเวลาให้ความช่วยเหลือต่อเนื่อง 4 ปี ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2559 ถึงเดือน พ.ค. 2563 ประกอบด้วย นายชัยสุอังวะ ทิศา (เก่งกาจ เกียรติเกรียงไกร), นายคำมูล ก๋าแก้ว (วังไพร ศ.สิงห์คะนอง), นายธรรมนูญ ประกายผ่อง (โจโจ้ สิงห์บางรัก), นายคำใส ใยบัว (รากแก้ว กรกช), นายดนุรุจน์ นวนเท้า (อนุภาพ พ.ธนพัน), นายเบิกกฤกษ์ ชาติวันชัย (เบิกฤกษ์ ลูกยอดฟ้า) และ นายศักดิ์ เหล่ากาวี (ขวัญใจ ม.ลูกพิทักษ์)

ขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย กกท. ยังเตรียมการแข่งขันมวยสากลระดับนักเรียน นักศึกษา ชิงแชมป์ประเทศไทย ครั้งที่ 2 รอบคัดเลือกระดับภาค ระหว่างวันที่ 16 ก.ค.-10 ส.ค. 2559 และรอบชิงชนะเลิศ ระหว่างวันที่ 29 ส.ค.-2 ก.ย. 2559 (สถานที่ที่จะใช้ในการจัดการแข่งขัน จะมีการพิจารณาสถานที่ที่เหมาะสมอีกครั้ง) โดยมีการแข่งขันรุ่นพินเวต (น้ำหนัก 43-46 กก.), รุ่นไลต์ฟลายเวต (46-49 กก.) และรุ่นฟลายเวต (49-52 กก.) ซึ่งผู้แข่งขันทุกรุ่นจะต้องมีอายุระหว่าง 16-18 ปี โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับเหรียญทอง พร้อมประกาศนียบัตร และทุนการศึกษา, รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเหรียญเงินพร้อมประกาศนียบัตร และทุนการศึกษา, รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับเหรียญทองแดง พร้อมประกาศนียบัตร และทุนการศึกษา

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา “กองทุนกีฬามวย” ได้ดำเนินการในพันธกิจและหน้าที่ของตัวเอง ในการดูแลช่วยเหลือสนับสนุนกับเหล่านักกีฬามวยด้วยดีและเต็มที่เสมอมา เชื่อว่ายังจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป ตราบใดที่ประเทศไทยยังมีการแข่งขันกีฬามวยและกีฬามวยอยู่ควบคู่กันตลอดไป